พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้าระหว่างวันที่ 9 มีนาคม 2553 - 15 มีนาคม 2553

ข่าวทั่วไป Tuesday March 9, 2010 14:48 —กรมอุตุนิยมวิทยา

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า

ระหว่างวันที่ 9 มีนาคม 2553 - 15 มีนาคม 2553

การคาดหมาย ในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้ และประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวทำให้เกิดพายุฤดูร้อนได้ โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงทำให้คลายร้อนลงได้ และหมอกควันไฟบริเวณภาคเหนือจะเริ่มเบาบางลง

ส่วนในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำจากความร้อนจะปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น และมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก ซึ่งทำให้ต้นไม้และป้ายโฆษณาโค่นล้ม หรือบ้านเรือนได้รับความเสียหาย สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ

ภาคเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศา โดยอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม. สำหรับในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ และมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ส่วน ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 9-11 มี.ค. อากาศร้อน และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศา โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นที่

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ส่วน ในช่วงวันที่ 12-15 มี.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศา ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. สำหรับในช่วงวันที่ 10-12 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ และมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ส่วน ในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

ภาคตะวันออก ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนและฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศา

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ และมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 11-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 11-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

สำหรับในช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ และมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ส่วน ในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ