ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 12 พฤษภาคม 2553 - 18 พฤษภาคม 2553
ภาคเหนือ
อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 38-42 องศาเซลเซียส และมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง เว้นแต่ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรทิ้งไว้กลางแจ้ง และเนื่องจากระยะนี้จะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนฤดู สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สวนผลไม้ควรปรับสภาพให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ช่วยลดความชื้นภายในสวนป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12 และ15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ กับมีลมกระโชกแรง บางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ที่โล่งขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลสภาพโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้ถูกสุขลักษณะ และควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจะเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12 และ 15-18 พ.ค.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เว้นแต่ในช่วงวันที่ 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูง ขณะเกิดฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง นอกจากนี้ควรช่วยกันขุดลอกคูคลอง ทำความสะอาดบ?อน้ำ เพื่อเตรียมไว้รองรับน้ำฝนที่จะตกลงมา
ภาคตะวันออก
อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12 และ15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย และลมกระโชกแรงบางแห่ง เว้นแต่ในช่วง 13-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ค้ำยันต้นไม้ โดยเฉพาะกิ่งที่กำลังให้ผลผลิต นอกจากนี้ควรเก็บเปลือกและผลที่เน่าเสียของผลไม้ไปทำลาย เพื่อมิให้เป็นแหล่งสะสมเพาะเชื้อของโรคพืชจำพวกเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่าได้
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ระยะนี้ฝนที่ตกอาจทำให้มีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรหมั่นกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงที่อาจเป็นพาหะแพร่กระจายโรค สำหรับระยะต่อไปภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรดูแลบริเวณแปลงสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74