ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 16 กรกฎาคม 2553 - 22 กรกฎาคม 2553
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 16-19 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ในสภาพที่มีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น ความชื้นสูง มะขามหวานที่กำลังติดฝักในช่วงนี้ ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราแป้งและโรคราสีชมพู เป็นต้น ซึ่งอาจจะระบาด ทำลายผลผลิต และคุณภาพด้อยลง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 16-19 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาคเกษตรกรไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย และควรปรับปรุงโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ไม่ให้อับชื้นหรือมีฝนสาดเข้าไปได้ นอกจากนี้เกษตรกรควรระวังสุขอนามัยรวมทั้งสวมรองเท้าบูทและถุงมือเมื่อต้องทำงานในบริเวณที่มีน้ำขังชื้นแฉะเพื่อป้องกันอันตรายจากโรคฉี่หนู
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 16-19 ก .ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย เกษตรกรที่ชะลอการปลูกข้าวในระยะที่ผ่านมา ควรรอจนกว่าฝนตกสม่ำเสมอ ปริมาณน้ำท่ามากพอแล้ว จึงค่อยเริ่มปลูก หากต้องการปลูกข้าวควรเลือกปลูกข้าวที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นเพื่อให้ผลผลิตออกทันในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว และควรกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในช่วงที่ฝนตกน้อย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 16-20 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 21-22ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ชาวสวนไม้ผลควรตัดแต่งกิ่ง ดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้น ป้องกันโรคพืชจำพวกเชื้อราซึ่งมักระบาดในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง สำหรับพื้นที่การเกษตรในบริเวณที่ลุ่ม โดยเฉพาะสวนพริกไทย เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังที่ก่อให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่า ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สัตว์น้ำที่ปรับตัวไม่ทัน จะอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝ??งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจายตลอดช่วง ส่วนฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 16-20 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 21-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองและทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณแปลงปลูก ส่วนบริเวณสวนยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมในสวน ป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคราสีชมพู เป็นต้น อนึ่งในช่วงวันที่ 17-19 ก.ค. บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นลมกำลังแรงขึ้นขอให้ชาวเรือเดินเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ได้ให้ไว้ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกแล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74