บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กร ของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Stable หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม ตลอดจนตราสัญลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย และความสำเร็จจากโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับตลาดระดับกลาง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทอย่างก้าวกระโดดและอัตรากำไรจากการดำเนินงานในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ในขณะที่ความผันผวนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยอันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถบริหารการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมให้เป็นไปตามแผนงาน นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะมีการขยายตัวทางธุรกิจอย่างระมัดระวังและเน้นการบริหารต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น แนวโน้มอันดับเครดิตอาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็น “Positive” หรือ “บวก” หากบริษัทสามารถเพิ่มทุนเป็น 2 เท่าของทุนในปัจจุบันได้ตามแผน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ณ เดือนกันยายน 2549 บริษัทมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมสำหรับขายจำนวน 43 โครงการ มูลค่ารวม 43,547 ล้านบาท โดยเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 58% คอนโดมิเนียม 31% และทาวน์เฮ้าส์ 8% ราคาขายเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยโดยรวมลดลงเป็น 5.6 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่หันไปเน้นตลาดราคาระดับปานกลางมากขึ้น ณ เดือนกันยายน 2549 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ 15,000 ล้านบาท และมีมูลค่าโครงการในปัจจุบันพร้อมขายอีก 15,659 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 82% คอนโดมิเนียม 11% และทาวน์เฮ้าส์ 3% ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากชื่อเสียงและสินค้าที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้ซื้อและกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 บริษัทแสนสิริมีอัตราการเติบโตของยอดขายที่อยู่อาศัยสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของสินค้าใหม่ คือ “คอนโดวัน” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมราคาปานกลางและการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทอย่างต่อเนื่อง รายได้จากการขายของบริษัทเพิ่มขึ้นโดยตลอดจาก 6,569 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 9,910 ล้านบาทในปี 2548 และยังคงเพิ่มขึ้นถึง 8,092 ล้านบาทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 26% จาก 6,430 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2548 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25%-28% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานประมาณ 10% ระหว่างปี 2548-2549 แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างและค่าโสหุ้ย นอกจากนี้ การมีโครงการจำนวนมากแต่ล้วนมีขนาดเล็กทำให้บริษัทไม่สามารถสร้างประโยชน์การประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) ได้ อีกทั้งการแข่งขันในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลงยังเป็นสิ่งกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการยิ่งขึ้น
สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 49% ณ เดือนกันยายน 2549 หลังจากที่โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทซึ่งเปิดตัวในช่วงปี 2547-2548 ทยอยแล้วเสร็จและส่งมอบแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการคอนโดวันและโครงการคอนโดมิเนียมอื่นซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอการส่งมอบถึง 9,000 ล้านบาทจะทำให้บริษัทต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างอย่างต่ำ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มทุนอีก 1 เท่าเป็น 12,608 ล้านบาทโดยการขายหุ้นทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 6,304 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายโครงการและรักษาสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ไม่ตึงตัวจนเกินไปที่ 1 เท่า
ทริสเรทติ้งกล่าวถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองเนื่องจากเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ว่ายิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง และแม้ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะค่อยๆ บรรเทาลง แต่ก็คาดว่าอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวต่อไปในช่วงปี 2550-2551 -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถบริหารการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมให้เป็นไปตามแผนงาน นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะมีการขยายตัวทางธุรกิจอย่างระมัดระวังและเน้นการบริหารต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น แนวโน้มอันดับเครดิตอาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็น “Positive” หรือ “บวก” หากบริษัทสามารถเพิ่มทุนเป็น 2 เท่าของทุนในปัจจุบันได้ตามแผน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ณ เดือนกันยายน 2549 บริษัทมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมสำหรับขายจำนวน 43 โครงการ มูลค่ารวม 43,547 ล้านบาท โดยเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 58% คอนโดมิเนียม 31% และทาวน์เฮ้าส์ 8% ราคาขายเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยโดยรวมลดลงเป็น 5.6 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่หันไปเน้นตลาดราคาระดับปานกลางมากขึ้น ณ เดือนกันยายน 2549 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ 15,000 ล้านบาท และมีมูลค่าโครงการในปัจจุบันพร้อมขายอีก 15,659 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 82% คอนโดมิเนียม 11% และทาวน์เฮ้าส์ 3% ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากชื่อเสียงและสินค้าที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้ซื้อและกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 บริษัทแสนสิริมีอัตราการเติบโตของยอดขายที่อยู่อาศัยสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของสินค้าใหม่ คือ “คอนโดวัน” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมราคาปานกลางและการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทอย่างต่อเนื่อง รายได้จากการขายของบริษัทเพิ่มขึ้นโดยตลอดจาก 6,569 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 9,910 ล้านบาทในปี 2548 และยังคงเพิ่มขึ้นถึง 8,092 ล้านบาทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 26% จาก 6,430 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2548 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25%-28% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานประมาณ 10% ระหว่างปี 2548-2549 แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างและค่าโสหุ้ย นอกจากนี้ การมีโครงการจำนวนมากแต่ล้วนมีขนาดเล็กทำให้บริษัทไม่สามารถสร้างประโยชน์การประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) ได้ อีกทั้งการแข่งขันในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลงยังเป็นสิ่งกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการยิ่งขึ้น
สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 49% ณ เดือนกันยายน 2549 หลังจากที่โครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทซึ่งเปิดตัวในช่วงปี 2547-2548 ทยอยแล้วเสร็จและส่งมอบแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการคอนโดวันและโครงการคอนโดมิเนียมอื่นซึ่งปัจจุบันมียอดขายรอการส่งมอบถึง 9,000 ล้านบาทจะทำให้บริษัทต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างอย่างต่ำ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มทุนอีก 1 เท่าเป็น 12,608 ล้านบาทโดยการขายหุ้นทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 6,304 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายโครงการและรักษาสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ไม่ตึงตัวจนเกินไปที่ 1 เท่า
ทริสเรทติ้งกล่าวถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองเนื่องจากเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ว่ายิ่งทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยอ่อนตัวลง และแม้ว่าแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะค่อยๆ บรรเทาลง แต่ก็คาดว่าอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวต่อไปในช่วงปี 2550-2551 -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว