บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงฐานเงินทุนของบริษัทที่เพียงพอด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งจากผลของการเพิ่มทุนจำนวน 805 ล้านบาทเมื่อช่วงต้นปี 2547 รวมถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความสามารถ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับภาวะสภาพคล่องและราคาของหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่มีความผันผวนเช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่นๆ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า บล. ซีมิโก้จะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดทั้งในด้านธุรกิจหลักคือนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ เอาไว้ได้ โดยบริษัทจะต้องสามารถใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทควรต้องมีความสามารถที่จะจัดการกับความเสี่ยงทางการตลาดที่จะเกิดขึ้นจากการเพิ่มส่วนลงทุนได้โดยไม่กระทบต่อฐานทุนหรือสภาพคล่องของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปัจจุบัน บล. ซีมิโก้มีบริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลักซึ่งสนับสนุนโดยธุรกิจการให้คำปรึกษาทางการเงินอย่างครบวงจร อันประกอบด้วย การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน การจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นอกจากการเป็นผู้ถือหุ้นถึง 51% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีมิโก้ ไนท์ ฟันด์ จำกัด แล้ว บริษัทยังจะเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอีกแห่งหนึ่งของตนเองในปี 2550 นี้ด้วย โดยบริษัทดังกล่าวจะให้บริการการบริหารจัดการกองทุนสำหรับกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม นอกจากนี้ เพื่อเป็นการขยายขอบข่ายของผลิตภัณฑ์และการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับการก่อตั้ง บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทจะร่วมลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติรายหนึ่งในการจัดตั้งบริษัทตราสารอนุพันธ์แห่งใหม่เพื่อสนับสนุนบริษัทในเรื่องการออกผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์เพื่อขายแก่นักลงทุนไทยโดยเน้นการใช้หลักทรัพย์ในประเทศเป็นสินทรัพย์อ้างอิง ทั้งนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เกื้อหนุนธุรกิจหลักของบริษัท โดยจะลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บล. ซีมิโก้มีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงเหลือ 3.80% ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2549 จาก 4.27% และ 5.96% ในปี 2548 และปี 2547 ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องมาจากมีปริมาณการซื้อขายในส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นและการสูญเสียพนักงานด้านการตลาดเพราะการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากบริษัทยังมีฐานลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนสถาบันค่อนข้างน้อย จึงมุ่งเน้นที่จะปรับปรุงคุณภาพรายงานการวิเคราะห์หลักทรัพย์และมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการและรองรับการขยายตัวของปริมาณนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้น
ทางด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทมีผลงานเป็นที่ยอมรับในด้านการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์สำหรับบริษัทขนาดกลางถึงขนาดเล็ก จากผลงานที่ผ่านมา พนักงานฝ่ายวาณิชธนกิจของบริษัทได้รับความยอมรับในความสามารถและความเป็นมืออาชีพ การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พนักงานฝ่ายวาณิชธนกิจจะช่วยให้บริษัทได้ประโยชน์ในระยะยาวในแง่ของการมีความหลากหลายของแหล่งรายได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์แต่เพียงทางเดียว และจะทำให้รายได้ของบริษัทมีความอ่อนไหวจากผลของการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะมีขึ้นในอนาคตน้อยลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ที่ผ่านมา จำนวนหลักทรัพย์ใหม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างน้อยเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย บริษัทมีมูลค่าการรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์รวมทั้งสิ้นประมาณ 785.6 ล้านบาทสำหรับรอบ 9 เดือนแรกของปี 2549 โดยยังมีปริมาณงานด้านวาณิชธนกิจในมือมูลค่ารวมอีกประมาณ 15 พันล้านบาท
บริษัทรายงานผลกำไรอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทล้างขาดทุนสะสมได้หมด บริษัทมีกำไรสุทธิสูงสุดที่ 730 ล้านบาทในปี 2546 ซึ่งสอดคล้องกับภาวะการฟื้นตัวของตลาดหลักทรัพย์ในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม กำไรของบริษัทลดลงในปีต่อๆ มาจากการชะลอตัวของตลาด บริษัทรายงานกำไรสุทธิในงวดครึ่งแรกของปี 2549 ที่ 112 ล้านบาท ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 603 ล้านบาทโดยรวมกำไรจากการขายส่วนลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขายการลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน)
ในแง่ของความสามารถในการทำกำไรนั้น ทริสเรทติ้งกล่าวว่าอัตราส่วนของกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยของ บล. ซีมิโก้ซึ่งเคยอยู่สูงสุดที่ 41.6% ในปี 2546 ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 19.2% ในปี 2547 และที่ 6.1% ในปี 2548 อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อัตราส่วนดังกล่าวขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7.4% (เทียบเป็นรายปี) ฐานเงินทุนของบริษัทยังคงแข็งแกร่งภายหลังการเพิ่มทุนในช่วงต้นปี 2547 ซึ่งทำให้ฐานของส่วนของผู้ถือหุ้นขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3,068 ล้านบาท บริษัทยังคงมีเงินสดจำนวนมากสำหรับการขยายธุรกิจ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 บริษัทมีเงินสดและเงินฝากอยู่ที่ 828 ล้านบาทโดยปราศจากหนี้ใดใด นอกจากนี้ บริษัทยังมีสภาพคล่องและฐานระดมทุนจากการลงทุนระยะสั้นอีกจำนวน 555 ล้านบาทด้วย ณ ครึ่งแรกของปี 2549 อัตราส่วนสินทรัพย์รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่งโดยอยู่ที่ระดับ 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.8 เท่า — จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า บล. ซีมิโก้จะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดทั้งในด้านธุรกิจหลักคือนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ เอาไว้ได้ โดยบริษัทจะต้องสามารถใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทควรต้องมีความสามารถที่จะจัดการกับความเสี่ยงทางการตลาดที่จะเกิดขึ้นจากการเพิ่มส่วนลงทุนได้โดยไม่กระทบต่อฐานทุนหรือสภาพคล่องของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปัจจุบัน บล. ซีมิโก้มีบริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลักซึ่งสนับสนุนโดยธุรกิจการให้คำปรึกษาทางการเงินอย่างครบวงจร อันประกอบด้วย การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน การจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นอกจากการเป็นผู้ถือหุ้นถึง 51% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีมิโก้ ไนท์ ฟันด์ จำกัด แล้ว บริษัทยังจะเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอีกแห่งหนึ่งของตนเองในปี 2550 นี้ด้วย โดยบริษัทดังกล่าวจะให้บริการการบริหารจัดการกองทุนสำหรับกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม นอกจากนี้ เพื่อเป็นการขยายขอบข่ายของผลิตภัณฑ์และการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับการก่อตั้ง บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทจะร่วมลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติรายหนึ่งในการจัดตั้งบริษัทตราสารอนุพันธ์แห่งใหม่เพื่อสนับสนุนบริษัทในเรื่องการออกผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์เพื่อขายแก่นักลงทุนไทยโดยเน้นการใช้หลักทรัพย์ในประเทศเป็นสินทรัพย์อ้างอิง ทั้งนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เกื้อหนุนธุรกิจหลักของบริษัท โดยจะลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บล. ซีมิโก้มีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงเหลือ 3.80% ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2549 จาก 4.27% และ 5.96% ในปี 2548 และปี 2547 ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องมาจากมีปริมาณการซื้อขายในส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นและการสูญเสียพนักงานด้านการตลาดเพราะการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากบริษัทยังมีฐานลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนสถาบันค่อนข้างน้อย จึงมุ่งเน้นที่จะปรับปรุงคุณภาพรายงานการวิเคราะห์หลักทรัพย์และมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการและรองรับการขยายตัวของปริมาณนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้น
ทางด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทมีผลงานเป็นที่ยอมรับในด้านการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์สำหรับบริษัทขนาดกลางถึงขนาดเล็ก จากผลงานที่ผ่านมา พนักงานฝ่ายวาณิชธนกิจของบริษัทได้รับความยอมรับในความสามารถและความเป็นมืออาชีพ การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พนักงานฝ่ายวาณิชธนกิจจะช่วยให้บริษัทได้ประโยชน์ในระยะยาวในแง่ของการมีความหลากหลายของแหล่งรายได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์แต่เพียงทางเดียว และจะทำให้รายได้ของบริษัทมีความอ่อนไหวจากผลของการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะมีขึ้นในอนาคตน้อยลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ที่ผ่านมา จำนวนหลักทรัพย์ใหม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างน้อยเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย บริษัทมีมูลค่าการรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์รวมทั้งสิ้นประมาณ 785.6 ล้านบาทสำหรับรอบ 9 เดือนแรกของปี 2549 โดยยังมีปริมาณงานด้านวาณิชธนกิจในมือมูลค่ารวมอีกประมาณ 15 พันล้านบาท
บริษัทรายงานผลกำไรอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทล้างขาดทุนสะสมได้หมด บริษัทมีกำไรสุทธิสูงสุดที่ 730 ล้านบาทในปี 2546 ซึ่งสอดคล้องกับภาวะการฟื้นตัวของตลาดหลักทรัพย์ในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม กำไรของบริษัทลดลงในปีต่อๆ มาจากการชะลอตัวของตลาด บริษัทรายงานกำไรสุทธิในงวดครึ่งแรกของปี 2549 ที่ 112 ล้านบาท ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 603 ล้านบาทโดยรวมกำไรจากการขายส่วนลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขายการลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน)
ในแง่ของความสามารถในการทำกำไรนั้น ทริสเรทติ้งกล่าวว่าอัตราส่วนของกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยของ บล. ซีมิโก้ซึ่งเคยอยู่สูงสุดที่ 41.6% ในปี 2546 ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 19.2% ในปี 2547 และที่ 6.1% ในปี 2548 อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อัตราส่วนดังกล่าวขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7.4% (เทียบเป็นรายปี) ฐานเงินทุนของบริษัทยังคงแข็งแกร่งภายหลังการเพิ่มทุนในช่วงต้นปี 2547 ซึ่งทำให้ฐานของส่วนของผู้ถือหุ้นขยับขึ้นไปอยู่ที่ 3,068 ล้านบาท บริษัทยังคงมีเงินสดจำนวนมากสำหรับการขยายธุรกิจ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 บริษัทมีเงินสดและเงินฝากอยู่ที่ 828 ล้านบาทโดยปราศจากหนี้ใดใด นอกจากนี้ บริษัทยังมีสภาพคล่องและฐานระดมทุนจากการลงทุนระยะสั้นอีกจำนวน 555 ล้านบาทด้วย ณ ครึ่งแรกของปี 2549 อัตราส่วนสินทรัพย์รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่งโดยอยู่ที่ระดับ 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.8 เท่า — จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว