ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday December 9, 2010 13:18 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพ

ล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำใน

ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ตลอดจนการมีโรงภาพยนตร์ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ จุดเด่นดัง

กล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ปริมาณของภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ความเป็นที่นิยมของภาพยนตร์

ตลอดจนระยะเวลาการฉายในโรงที่สั้นลงก่อนที่จะผลิตเป็นวิดีโอซีดี/ดีวีดี การแข่งขันจากกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ และการแพร่

ระบาดของวิดีโอซีดี/ดีวีดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดใน ธุรกิจโรงภาพยนตร์และรักษาผลประกอบการให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเอาไว้ได้ โดยที่การลงทุนในอนาคตหรือการจ่ายเงินปันผล ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของบริษัทอย่างรุนแรงด้วย

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เป็นผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 80% โดยพิจารณาจากรายได้รวมของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในสัปดาห์แรก บริษัทก่อตั้งในปี 2537 โดยนายวิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 37% บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ สื่อและโฆษณา การให้เช่าพื้นที่และบริการ รวมถึงการจัดจำหน่ายวิดีโอซีดี/ดีวีดีและลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 บริษัทดำเนินกิจการโรงภาพยนตร์ 50 แห่ง ด้วยจำนวนจอภาพยนตร์ทั้งสิ้น 369 จอ และเก้าอี้ มากกว่า 88,000 ที่นั่ง โดยมีโรงภาพยนตร์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 27 แห่งและในต่างจังหวัด 23 แห่ง บริษัทมีสาขา โบว์ลิ่งและคาราโอเกะจำนวน 26 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโบว์ลิ่ง 480 ราง และห้องคาราโอเกะ 309 ห้อง นอกจากนี้ บริษัทยัง บริหารจัดการพื้นที่ให้เช่าขนาด 43,666 ตารางเมตร (ตร.ม.) ด้วย สำหรับในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงนั้น บริษัทขยายโรงภาพยนตร์ไปยังแหล่งศูนย์กลางธุรกิจและชุมชนสำคัญหลายแห่งโดยใช้ตราสัญลักษณ์หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้าหลาย ๆ กลุ่ม

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนผู้จัดจำหน่าย

ภาพยนตร์ โดยรายได้จากการเข้าชมภาพยนตร์ขึ้นอยู่กับจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉาย รวมถึงคุณภาพและความเป็นที่นิยมของ

ภาพยนตร์ด้วย ทั้งนี้ ตามที่กล่าวไว้ในข้างต้น บริษัทเผชิญกับปัจจัยที่เป็นผลกระทบด้านลบที่ไม่สามารถควบคุมได้หลายประการที่อาจ

ลดทอนความต้องการชมภาพยนตร์นอกบ้าน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกิจกรรมสันทนาการใดที่สามารถทดแทนประสบการณ์จากการชม

ภาพยนตร์ในโรงได้อย่างสมบูรณ์

แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวและเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในปี 2552 จนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2553 บริษัทยังมีรายได้รวมถึง 5,561 ล้านบาทในปี 2552 ซึ่งเพิ่มขึ้น 4% จากปีที่ผ่านมาเนื่องจากมีภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม เข้าฉายจำนวนมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา คิดเป็น 4,562 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ รายได้จำนวนมาก จากภาพยนตร์ไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 การมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดโรงภาพยนตร์เอสพลานาดสาขางาม วงศ์วาน-แคราย และรายได้จากธุรกิจโฆษณาที่ฟื้นตัวอย่างมาก โดยที่รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์นั้นแสดงให้เห็นถึงความ ยืดหยุ่นแม้จะเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเนื่องจากรายรับจากการฉายภาพยนตร์ขึ้นอยู่กับความเป็น ที่นิยมของภาพยนตร์เป็นหลัก ทั้งนี้ การชมภาพยนตร์ในโรงเป็นความบันเทิงในรูปแบบที่มีราคาไม่แพงและสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีโรงภาพยนตร์ครอบคลุมทั่วประเทศ รายได้จากธุรกิจภาพยนตร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัท อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัทจัดว่ามีความ อ่อนไหวตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจโฆษณาซึ่งรายได้ลดลง 38% ในปี 2552 แต่เพิ่มขึ้น 31% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 โดยที่ธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยรายได้ลดลง 15% ในปี 2552 และ ลดลง 8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553

บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงจาก 31% ในปี 2551 เป็น 26% ในปี 2552 เนื่องจากรายได้ค่าโฆษณาซึ่งมีอัตราส่วนกำไรที่สูงนั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งค่าใช้ จ่ายด้านการขายและบริหารที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวลดลงสู่ระดับ 31% สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 เนื่องจากรายได้ในทุกธุรกิจยกเว้นโบว์ลิ่งและคาราโอเกะเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในขณะที่มีการควบคุมค่าใช้จ่าย ด้านการขายและบริหารได้ดีขึ้น หนี้สินรวมของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงโดยอยู่ที่ 3,740 ล้านบาทในปี 2552 และ 2,998 ล้าน บาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 โดยเพิ่มขึ้นจาก 2,273 ล้านบาทในปี 2551 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท เพิ่มขึ้นจาก 56.1% ในปี 2551 เป็น 60.8 ในปี 2552 และอยู่ที่ระดับ 57.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 เงินทุนจากการ ดำเนินงานคงอยู่ในระดับที่เกินกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปีมาตั้งแต่ปี 2548 โดยที่ในปี 2552 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงาน ต่อเงินกู้รวมยังคงแข็งแกร่งแม้จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับประมาณ 15% และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่า เสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับเกือบ 4 เท่าในช่วงปี 2551 ถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ทริ สเรทติ้งกล่าว -- จบ

บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR)
อันดับเครดิตองค์กร: 	                             คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MAJOR126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 	 คงเดิมที่ A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                             Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ