ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ. การบินไทย” เป็น “A+” จาก “A”พร้อมจัดอันดับตราสารหนี้ใหม่ที่ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday December 17, 2010 08:24 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท การบิน ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A+” จากเดิมที่ “A” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่ เกิน 8,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสะท้อนถึง สถานะการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นจากความสำเร็จในการเพิ่มทุนในเดือนกันยายน 2553 ประกอบกับผลประกอบการที่ปรับตัวดี ขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรฐกิจโลกและผลจากโครงการลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบิน ระหว่างประเทศในเส้นทางที่บินเข้าและออกจากประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจาก การมีภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูงและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผันผวน รวมถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กระทบต่อธุรกิจสายการบิน เช่น โรคระบาด การก่อการร้าย และความไม่สงบทางการเมือง รวมถึงการแข่ง ขันที่รุนแรงทั้งจากสายการบินทั่วไปและสายการบินต้นทุนต่ำที่จะกดดันอัตรารายได้ต่อผู้โดยสาร-กิโลเมตรอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะ สั้นและระยะปานกลาง อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุนจาก ภาครัฐในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจและสายการบินแห่งชาติ ดังนั้น อันดับเครดิตจะถูกปรับลดลงหากรัฐบาลลดสัดส่วนการถือหุ้นลง เหลือต่ำกว่า 50%

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำ ในธุรกิจการบินระหว่างประเทศที่มีประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้นเอาไว้ได้ โดยที่ผลประกอบการและโครงสร้างทางการเงินจะไม่ อ่อนแอลงไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การพิจารณาแนวโน้มอันดับเครดิตยังคำนึงถึงแผนลงทุนมูลค่าประมาณ 140,000 ล้านบาทของ บริษัทในช่วงปี 2553-2557 ด้วย ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนจาก รัฐบาลในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่อไปโดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ในฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ บริษัทการบินไทยได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและการ ดำเนินงานจากกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 51.0% นอกจากนี้ ยังมีธนาคารออมสินเป็นผู้ถือหุ้นในสัด ส่วน 2.4% และกองทุนวายุภักษ์ซึ่งจัดตั้งโดยกระทรวงการคลังเพื่อลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือหุ้น 16.3% ด้วย ปัจจุบันบริษัทการบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเซีย โดย ณ เดือนมีนาคม 2553 บริษัทให้บริการ เส้นทางการบินระหว่างประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 59 แห่งทั่วโลก ด้วยเที่ยวบินจำนวน 535 เที่ยวต่อสัปดาห์ บริษัทมีปริมาณ ที่นั่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพื่อให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวของความ ต้องการเดินทางเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น บริษัทได้รับประโยชน์จากการมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในเส้น ทางการบินระหว่างประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 36.6% ของจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ใช้บริการ ณ ท่า อากาศยานนานาชาติของไทย

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงธุรกิจการบินภายในประเทศของบริษัทการบินไทยว่า ปริมาณการจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้นอย่าง มากหลังจากที่สายการบินต้นทุนต่ำเริ่มให้บริการในปี 2546 ทำให้จำนวนผู้โดยสารทั้งระบบเพิ่มขึ้นจาก 7.2 ล้านคนในปี 2546 มาอยู่ที่ประมาณ 15-16 ล้านคนในปี 2551-2552 กระนั้นส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทก็ลดลงเหลือ 48% ในปี 2551 จาก 84% ในปี 2546 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 52% ในปี 2552 ธุรกิจการบินภายในประเทศสร้างรายได้ให้แก่บริษัทเพียง 9% ของรายได้รวม การมีต้นทุนดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำทำให้บริษัทกำหนดกลยุทธ์ที่จะเพิ่มกำไรโดยการลด จำนวนเที่ยวบินภายในประเทศที่มีผลประกอบการขาดทุนและเปิดโอกาสให้สายการบินราคาประหยัดที่เป็นพันธมิตรของบริษัท คือ “นกแอร์” เป็นผู้ให้บริการแทน นอกจากนี้ บริษัทยังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะร่วมลงทุนกับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวยส์ เพื่อเปิดสายการบินต้นทุนต่ำรายใหม่คือ “ไทย ไทเกอร์ แอร์เวยส์” ด้วย โดยสายการบินต้นทุนต่ำรายใหม่นี้จะใช้ในการแข่งขัน เพื่อเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดจากสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ ทั้งในเส้นทางภายในประเทศและภูมิภาคเอเซีย (ต่อหน้า 2)

สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทมีผลกำไร 12,453 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุน 1,569 ล้านบาทของช่วง

เดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก

5.5% ในปี 2551 เป็น 19.0% ในปี 2552 และ 17.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 เนื่องจากราคาน้ำมันเครื่องบินที่

ปรับลดลงอย่างมาก รวมทั้งความสำเร็จในการดำเนินนโยบายลดค่าใช้จ่าย และภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น บริษัทมีอัตราส่วน

กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวดีขึ้นจาก 2.1 เท่าในปี

2551 เป็น 5.5 เท่าในปี 2552 และ 6.3 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อ

เงินกู้รวมก็ปรับเพิ่มขึ้นจาก 4.4% ในปี 2551 เป็น 17.6% ในปี 2552 และ 11.4% (ยังไม่ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็ม

ปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับลดลงจาก 77.0% ในปี 2551 สู่

ระดับ 69.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 เนื่องจากการเพิ่มทุนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 และผลประกอบการที่ปรับตัวดี

ขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีภาระลงทุนค่อนข้างสูงเพื่อดำรงความสามารถในการแข่งขันจึงคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยัง

คงอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI)
อันดับเครดิตองค์กร: 	                             เพิ่มเป็น A+ จาก A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THAI115A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554	เพิ่มเป็น A+ จาก
A
THAI11OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554    เพิ่มเป็น A+ จาก
A
THAI11OB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 987.92 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554   เพิ่มเป็น A+ จาก
A
THAI12NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	เพิ่มเป็น A+ จาก A
THAI13OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,556.79 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 เพิ่มเป็น A+ จาก
A
THAI14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557   	เพิ่มเป็น A+ จาก
A
THAI155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558    เพิ่มเป็น A+ จาก
A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564   A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                             Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ