ทริสเรทติ้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิต “บ. กรุงเทพดุสิตเวชการ” เป็น “Positive” จาก “Stable”พร้อมคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ที่ระดับ “A”

ข่าวทั่วไป Friday December 17, 2010 11:22 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พรอ้มทั้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Positive” หรือ “บวก” จาก “Stable” หรือ “คง ที่” ซึ่งการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสืบเนื่องจากประกาศของบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 ที่ ระบุว่าบริษัทตกลงจะซื้อและรับโอนกิจการของ บริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มโรง พยาบาลพญาไทและกลุ่มโรงพยาบาลเปาโล โดยรูปแบบการซื้อกิจการจะใช้วิธีการแลกหุ้น แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนฐานลูกค้าที่กระจายตัวมากขึ้น และ การประหยัดต้นทุนซึ่งเกิดจากการซื้อและรับโอนกิจการของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์ค เมื่อพิจารณาประวัติการควบรวมกิจการในอดีตที่ ประสบความสำเร็จของบริษัท ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะดำเนินการซื้อกิจการในครั้งนี้ได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย ทุนสูงกว่าคาด อันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถควบคุมการบริหารโรงพยาบาลต่าง ๆ ภายใต้สังกัด ได้เป็นอย่างดีและประสบความสำเร็จในการนำโรงพยาบาลภายใต้บริษัทเฮลต์ เน็ตเวิร์คเข้ามารวมกลุ่มได้ ในทางตรงกันข้าม หากฐานะการเงินของบริษัทถดถอยลงหรือระดับหนี้สินสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ก็จะมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับ เครดิตของบริษัท

ทริสเรทติ้งรายงานว่าการควบรวมกิจการจะใช้เงินทุนจากหลายแหล่ง ได้แก่ เงินสด การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนชุด ใหม่ รวมถึงการโอนหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างจ่ายระหว่างบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คและบริษัทลูกให้แก่บริษัท ในระยะแรกของการ ซื้อกิจการ บริษัทจะซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คโดยใช้เงินทุนจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนชุดใหม่จำนวน 230.87 ล้านหุ้นที่ราคาหุ้นละ 37.75 บาทและเงินสดอีกจำนวน 680 ล้านบาท รวมถึงการรับโอนหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้าง จ่ายไม่เกิน 430 ล้านบาทภายใต้สัญญาการกู้ยืมระหว่างบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์ค (ในฐานะผู้กู้) กับ บริษัท เปาโลเมดิค จำกัด (ในฐานะผู้ให้กู้)

สินทรัพย์ของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คที่บริษัทจะซื้อ ได้แก่ หุ้นในบริษัทประสิทธิ์พัฒนา 49.17% นอกจากนี้ ยังรวมหุ้นใน โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการเต็ม 100% หุ้นในโรงพยาบาลเปาโล โชคชัย 4 จำนวน 80.72% และหุ้นในโรงพยาบาล เปาโล นวมินทร์จำนวน 99.76% โดยหุ้นที่บริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คได้รับจากบริษัทจะกระจายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์ คต่อไป นอกจากนี้ บริษัทจะออกหุ้นสามัญชุดใหม่จำนวน 4.127 ล้านหุ้นรวมมูลค่า 156 ล้านบาทโดยขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์ค ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.9% ปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นในบริษัทประสิทธิ์พัฒนาในสัดส่วน 19.47% หลังจากการซื้อกิจการบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คแล้ว สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่ม เป็น 68.64% ซึ่งทำให้บริษัทต้องเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดตามกฎหมาย โดยบริษัทอาจใช้เงินสดจำนวน 2,726 ล้านบาทหรือเงิน จากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนชุดใหม่จำนวน 72.198 ล้านหุ้นเพื่อซื้อหุ้นดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการซื้อกิจการจะเสร็จสิ้นใน ไตรมาสแรกของปี 2554

ทริสเรทติ้งกล่าวว่าหลังการควบรวม คาดว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการจะแข็งแกร่งขึ้น ในขณะ ที่อัตราส่วนทางการเงินในส่วนของหนี้สินและการทำกำไรอาจเปลี่ยนแปลงไปจากสถานะในปัจจุบันเล็กน้อย สถานะทางการแข่งขัน ของกลุ่มก็จะเข้มแข็งยิ่งขึ้นเนื่องจากส่วนแบ่งทางการตลาดซึ่งวัดจากจำนวนเตียงผู้ป่วยจะเพิ่มจาก 9.3% เป็น 14.6% นอกจาก นี้ ฐานลูกค้าก็จะขยายครอบคลุมกลุ่มคนไข้ระดับกลางถึงระดับบนในหลากหลายทำเลยิ่งขึ้น สำหรับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครง สร้างเงินทุนนั้นคาดว่าจะคงอยู่ในระดับที่รับได้ประมาณ 38%-44% ซึ่งเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากระดับ 43% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้จากการขายจะคงอยู่ที่ระดับ 22%-23% การประหยัดต้นทุนซึ่งเกิดจาก ประโยชน์ที่ได้จากการประหยัดจากขนาดหรือการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์และบริการร่วมกันภายในกลุ่มอาจต้องใช้เวลาสักระยะ หนึ่งจึงจะปรากฎผล นอกจากนี้ ขนาดสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ของบริษัทจะทำให้ระดับอัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรมีระดับต่ำ กว่าของคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของโรง พยาบาลทั้งหมดในกลุ่มคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40% จากระดับประมาณ 5,000 ล้านบาทในปี 2552

บริษัทเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2512 บริษัทขยายตัวอย่างต่อ เนื่องทั้งจากการเติบโตตามลักษณะของธุรกิจและโดยการควบรวมกิจการ การซื้อกิจการบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คคาดว่าจะทำให้ฐาน ลูกค้าขยายไปยังกลุ่มลูกค้าประกันสังคมและลูกค้าภาคราชการ ณ เดือนธันวาคม 2553 บริษัทบริหารโรงพยาบาลทั้งหมด 19 แห่ง ด้วยจำนวนเตียงผู้ป่วยทั้งสิ้น 2,992 เตียง โดยมีตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลในสังกัด ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรง พยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบีเอ็นเอช และโรงพยาบาลในต่างประเทศภายใต้ตราสัญลักษณ์โรงพยาบาล รอยัล อินเตอร์ เนชั่นแนล หลังจากการควบรวมแล้ว บริษัทจะมีโรงพยาบาลในสังกัดเพิ่มเป็น 27 แห่ง และมีเตียงบริการผู้ป่วยรวม 4,639 เตียง โดยจะมีตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลอีก 2 แห่งคือโรงพยาบาลพญาไทและโรงพยาบาลเปาโลเข้ามาร่วมกลุ่ม ทริสเรทติ้งกล่า ว — จบ

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH)
อันดับเครดิตองค์กร: 	                            คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BGH113A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554	คงเดิมที่ A
BGH133A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556  	คงเดิมที่ A
BGH146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	คงเดิมที่ A
BGH166A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559    	คงเดิมที่ A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                             Positive (บวก) จาก Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต
การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้
เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์
เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุ
ประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริ
สเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิด
ชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะ
ไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการ
จัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ