ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “ธ. ธนชาต” ที่ระดับ “A+” หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ “A”และหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนที่ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Positive”

ข่าวทั่วไป Monday December 27, 2010 14:28 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” และคง

อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A”

และ “A-” ตามลำดับ พร้อมแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น

จากผลของการที่ธนาคารซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่

และกระจายตัวมากกว่า รวมถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ในธุรกิจหลักคือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ตลอดจนการมี

เครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางขึ้น และการมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสมต่อการสร้างความแข็งแกร่งในการผสานธุรกิจในกลุ่มธนชา

ต นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ Bank of Nova

Scotia (BNS) จากประเทศแคนาดาซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 48.99% อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดจาก

สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่สูงขึ้นของธนาคาร ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง

ธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทย และภาวะการแข่งขันของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ความไม่แน่

นอนของการเมืองภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกอาจเป็นปัจจัยจำกัดแผนการขยายธุรกิจและความสามารถในการทำกำไร

ของกลุ่มธนชาตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ในขณะที่อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารธนชาต (TBANK197A

และ TBANK247A) นั้นสะท้อนถึงความด้อยสิทธิและความเสี่ยงต่อการเลื่อนชำระดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวซึ่งจะครบกำหนดไถ่

ถอนในปี 2562 และ 2567 โดยหุ้นกู้ดังกล่าวยังสะสมผลตอบแทน มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และธนาคารสามารถไถ่ถอน

คืนทั้งจำนวนก่อนครบกำหนดได้หลังจาก 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสาร และอยู่ภายใต้ความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้

ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทนี้จะได้รับการชำระเงินในลำดับถัดจากผู้ฝากเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกัน และผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร

โดยธนาคารไม่ต้องมีภาระผูกพันในการจ่ายหนี้ใดใดสำหรับหุ้นกู้ประเภทนี้ในกรณีที่ธนาคารมีผลประกอบการขาดทุนในระยะเวลา

6 เดือนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธนาคารต้องจ่ายชำระดอกเบี้ย และธนาคารไม่สามารถจ่ายเงินปันผลในช่วงดังกล่าวหรือในช่วง 6

เดือนข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตาม จำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายคืนจะเป็นจำนวนยอดสะสม

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนบทบาทของธนาคารธนชาตในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการ

เงินและการธนาคารพาณิชย์ที่สำคัญของกลุ่มธนชาต โดยคาดหมายว่าฐานะทางการตลาดในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของธนาคารภาย

ใต้การควบรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทยจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์มิให้

เสื่อมถอยลงได้ รวมถึงสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ นอกจากนี้ ยังคาด

หมายว่าความสามารถในการเพิ่มรายได้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมถึงการประหยัดต้นทุนที่เกิดจากการผสาน

ประโยชน์ภายในกลุ่มธนชาตจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธนาคารที่อาจสูงขึ้นในช่วงระหว่างการควบรวม

กิจการของธนาคารทั้ง 2 แห่ง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารธนชาตซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยตามแผนกลยุทธ์การเติบโตโดยวิธีการซื้อหุ้น

จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินและจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยรายอื่น ๆ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 รวม

ทั้งสิ้น 99.24% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ ธนาคารกลายเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของ

ประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 (จากเดิมอันดับที่ 8 เมื่อปี 2551) ด้วยส่วนแบ่งตลาดสำหรับสินเชื่อรวมที่ 9.3% และ

สำหรับเงินฝากที่ 7.9% ตามงบการเงินรวม ณ สิ้นงวดกันยายน 2553 ธนาคารธนชาตมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 836 พันล้านบาท

เพิ่มขึ้น 93.1% จาก 433 พันล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2552 การซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยทำให้ธนาคารธนชาตมีสถานะทาง

การแข่งขันในสินเชื่อภาคธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายสินเชื่อไปสู่ภาคธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งทำให้สัดส่วนของสินเชื่อใน

กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของธนาคารดียิ่งขึ้นและลดการกระจุกตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 ธนาคารธนชาตมีเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น 582,234 ล้านบาท เติบโตขึ้น 104.2% จาก

285,100 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดที่

27% ด้วยมูลค่าสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 228,268 ล้านบาท (รวมของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย) ณ

สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 ธนาคารมีสินเชื่อธุรกิจคิดเป็น 43% ของสินเชื่อรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 21% ในปี 2552 ในขณะที่สิน

เชื่อรายย่อยอยู่ที่ 57% ของสินเชื่อรวม ลดลงจาก 79% เมื่อสิ้นปี 2552 สินเชื่อส่วนใหญ่ของธนาคารประกอบด้วยสินเชื่อราย

ย่อย โดยเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 39% สินเชื่อที่อยู่อาศัย 13% และสินเชื่อธุรกิจซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อกลุ่มการผลิตและการค้า

14% และสินเชื่อกลุ่มสาธารณูปโภคและบริการ 11%

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงหนี้สินของธนาคารธนชาตว่า ธนาคารได้ประโยชน์จากการเพิ่มฐานลูกค้าเงินฝากขนาดใหญ่และเครือ

ข่ายสาขาจำนวนมากของธนาคารนครหลวงไทยซึ่งช่วยสนับสนุนให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตการให้บริการทางการเงินของ

กลุ่มธนชาตทั้งหมดผ่านช่องทางและเครือข่ายต่าง ๆ ในกลุ่มธนชาต นอกจากนี้ ยังคาดว่าการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย

จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่มูลค่าเครือข่ายทางธุรกิจของธนาคารธนชาตได้ในระยะปานกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็

ตาม ความสำเร็จดังกล่าวยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป ฐานะการเงินของธนาคารธนชาตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิในปี

2552 จำนวน 4,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% จาก 1,870 ล้านบาทในปี 2551 ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 โดยมีกำไรสุทธิ 6,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167.7% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับช่วงเดียวกัน

ของปีก่อนที่จำนวน 2,510 ล้านบาทเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อัตราส่วนผลตอบแทนต่อ

สินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยสำหรับปี 2552 เท่ากับ 1% และ 16.48% ตามลำดับ

เพิ่มขึ้นจาก 0.55% และ 8.83% ในปี 2551 อัตราส่วนดังกล่าวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 โดยอยู่ที่

1.06% และ 13.64% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจาก 0.66% และ 10.62% สำหรับช่วง

เดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารธนชาตภายหลังการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยนั้น ธนาคารมีข้อ จำกัดจากการมี NPL และสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจของธนาคารนครหลวงไทย โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 ธนาคารมีอัตราส่วน NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวม 6.39% เพิ่มขึ้นจาก 3.04% ในปี 2552 และ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย 11 แห่งที่มีอัตราส่วนอยู่ที่ 5.64% นอกจากนี้ ยังมี NPA ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (หนี้จัดชั้น ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน + ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ + สินทรัพย์รอการขาย) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 คิด เป็น 0.62 เท่าของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคาร โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.31 เท่า ณ สิ้นปี 2552 แต่ยังใกล้ เคียงกับค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย 11 แห่งที่ระดับ 0.65 เท่า ดังนั้น ความสามารถของผู้บริหารในการดูแลสินทรัพย์ไม่ให้ มีคุณภาพเสื่อมถอยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการควบรวมกิจการจึงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป

ภายหลังการซื้อกิจการ ทริสเรทติ้งเห็นว่าธนาคารธนชาตมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น โดยมีฐานเงินฝากที่ขยายตัวไปยังฐาน ลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 8.45% จาก 6.44% ในปี 2552 จากผลของการเพิ่มทุนจำนวน 35,790 ล้านบาทในเดือนเมษายน 2553 จากผู้ถือหุ้นหลักคือ บริษัททุนธนชาตและ BNS อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย 11 แห่งซึ่งอยู่ที่ 10.06% อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 เท่ากับ 14.69% เพิ่มขึ้นจาก 14.10% ในปี 2552 อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงเล็กน้อยอันเป็นผลจากการนำค่าความนิยมจากการซื้อกิจการมาหักออกจาก เงินกองทุนชั้นที่ 1 เมื่อการโอนกิจการของธนาคารนครหลวงไทยเข้ากับธนาคารธนชาตแล้วเสร็จในช่วงประมาณปลายปี 2554

ปัจจุบันธนาคารธนชาตอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนการควบรวมกิจการและการถอนหุ้นธนาคารนครหลวง ไทยออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยสมัครใจ ธนาคารนครหลวงไทยจะยังคงดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ต่อไปจน กระทั่งกระบวนการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ และจะต้องคืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์แก่ธนาคารแห่งประเทศ ไทยภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ทั้งนี้ อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารจะยังคงได้รับผลกระทบจากความ ท้าทายในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินกองทุนและผลประกอบการของธนาคาร ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                   คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TBANK155A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี
2558                                                    	คงเดิมที่ A
TBANK194A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี
2562                                                     คงเดิมที่ A
TBANK197A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562  คงเดิมที่ A-
TBANK204A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี
2563                                                     	              คงเดิมที่ A
TBANK247A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567   	คงเดิมที่ A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:		                                                  Positive (บวก)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต
การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้
เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์
เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุ
ประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริ
สเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิด
ชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะ
ไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการ
จัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ