ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “บ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์” ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday January 14, 2011 08:56 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัท ในฐานะผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ระดับโลก ตลอดจนการมีสินค้าและฐานลูกค้าที่หลากหลาย และการมีเครื่องหมายการค้าที่ แข็งแกร่งในธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการลงทุนซื้อหุ้น 100% ใน MW Brands Holdings Group (MWB) ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการตลาดในยุโรป อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมี ข้อจำกัดบางประการจากความอิ่มตัวของอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมถึงความเสี่ยงจาก ความแปรปรวนของราคาปลาทูน่าและความผันผวนของค่าเงินบาท ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังประกาศยกเลิก “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” หรือ “ยังไม่ชัดเจน” ที่ให้ไว้แก่อันดับเครดิตของบริษัทเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2553 หลังจากที่บริษัท ประกาศลงทุนใน MWB มูลค่า 680 ล้านยูโร (28,496 ล้านบาท) ด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความได้ เปรียบในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาดและความมีประสิทธิภาพในการผลิต ฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นใน ยุโรปและฐานการตลาดที่กระจายตัวมากขึ้นจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการดำเนินงานท่ามกลางความผันผวนของราคาปลาทูน่าและ อัตราแลกเปลี่ยน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ เป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง รายใหญ่ของประเทศไทยโดยมียอดขายในปี 2552 อยู่ที่ 68,994 ล้านบาท ด้วยปริมาณการผลิตปลาทูน่ากระป๋องกว่า 200,000 ตันส่งผลให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้แปรรูปปลาทูน่าชั้นนำระดับโลก ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของบริษัทมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากการรวมงานด้านบรรจุภัณฑ์เข้ากับเครือข่ายกระจายสินค้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินค้าที่หลากหลาย โดยในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2553 ปลาทูน่ากระป๋องสร้างรายได้ให้บริษัทมากที่สุดคิดเป็นประมาณ 39% ของยอดขายสกุลเงินดอลลาห์สหรัฐ ตามด้วยกุ้ง แช่แข็ง 23% อาหารทะเลกระป๋อง 9% และอาหารสัตว์กระป๋อง 9% ตลาดส่งออกหลักของบริษัทประกอบด้วยประเทศสหรัฐ อเมริกา (49% ของรายได้รวม) สหภาพยุโรป (12%) และญี่ปุ่น (12%) ผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม อาหารทะเลมากกว่า 2 ทศวรรษ ในขณะที่บริษัทเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าปลาทูน่ากระป๋อง “Chicken of the Sea” ซึ่งจำหน่ายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การมีสินค้าที่หลากหลายช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ ใน ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 ยังคงทรงตัว แม้ว่ารายได้จากการขายปลาทูน่าจะลดลง 9% แต่ความต้องการที่มีมากในผลิตภัณฑ์ กุ้ง อาหารทะเล และอาหารสัตว์ช่วยให้ยอดขายในสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่าง ไรก็ตาม ผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาททำให้รายได้รวมในสกุลเงินบาททรงตัวที่ระดับ 50,859 ล้านบาทในช่วง 9 เดือน แรกของปี 2553 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายปรับตัวลดลงเป็น 7.1% จาก 7.6% ใน ช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากต้นทุนกุ้งที่เพิ่มขึ้น ราคาปลาทูน่าที่ผันผวน และผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท กำไรสุทธิ ของบริษัทหลังรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 679 ล้านบาทลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2,521 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ เดือนกันยายน 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็ก น้อยเป็น 42.0% จาก 40.0% ณ สิ้นปี 2552 เนื่องจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น สถานะสภาพคล่องก่อนการลงทุน ใน MWB อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายใน ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2553 อยู่ที่ 10.4 เท่า

ในเดือนตุลาคม 2553 บริษัทซื้อหุ้น 100% ใน MWB ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวมค่าใช้จ่าย 700 ล้านยูโร โดยแหล่ง เงินทุนประมาณ 87% ของมูลค่าเงินลงทุน หรือ 611 ล้านยูโรมาจากการกู้ยืม และส่วนที่เหลือ 13% มาจากการเพิ่มทุน บริษัทกู้ เงินจากสถาบันการเงินในประเทศรวม 211 ล้านยูโร และ MWB กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ 340 ล้านยูโร นอก จากนี้ บริษัทยังออกหุ้นกู้แปลงสภาพอายุ 4 ปีจำนวน 60 ล้านยูโรด้วย บริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนจำนวน 73 ล้านหุ้น ซึ่งเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลอื่นในวงจำกัด โดยได้รับเงินรวมทั้งสิ้น 89 ล้านยูโร อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างทุน หลังการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 60% จาก 42% ก่อนการลงทุน คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 50% ในอีก 2-3 ปีข้าง หน้าหลังจากบริษัทรับรู้กำไรจาก MWB เต็มที่แล้ว

ทริสเรทติ้งกล่าวถึง MWB ว่าเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องแบบครบวงจรโดยมีทั้งกองเรือจับปลา โรงงานผลิต

และช่องทางจัดจำหน่ายในตลาดยุโรป บริษัทมียอดขายจากผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋องคิดเป็น 73% ของยอดขายรวม MWB มีโรง

งานหลักอยู่ที่ประเทศซีเชลล์และกาน่า โดยมีตลาดหลักในประเทศฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี ไอร์แลนด์ และเน

เธอร์แลนด์ ในช่วงปี 2550-2553 (สิ้นสุดปีบัญชีเดือนมีนาคม) ยอดขายของ MWB ค่อนข้างทรงตัวที่ 448-490 ล้านยูโรต่อปี

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นส่งผลทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย

(EBITDA) ของบริษัทดีขึ้นจาก 57 ล้านยูโรในปี 2550 เป็น 83 ล้านยูโรในปี 2553 ซึ่งเท่ากับ 70% ของ EBITDA ของบริษัท

ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ในปี 2553 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 MWB มีสินทรัพย์รวม 559 ล้านยูโร มีหนี้สินรวม 462 ล้านยู

โร และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 97 ล้านยูโร

ภายหลังการลงทุนใน MWB กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ได้กลายมาเป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่อันดับ

หนึ่งของโลกด้วยปริมาณการผลิต 330,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของการผลิตปลาทูน่ากระป๋องทั่วโลก และเป็นเจ้าของ

เครื่องหมายการค้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดในอันดับต้น ๆ ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น Petit Navire,

John West, Mareblu และ Hyacinthe Parmentier โดยผลิตภัณฑ์ของ John West มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ

1 ในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ของ Petit Navire มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ

1 ในประเทศฝรั่งเศส การเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าทำให้รายได้ของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากรายได้จากการขายสินค้า

ภายใต้เครื่องหมายการค้าจะเพิ่มเป็น 60% ของรายได้รวมจากเดิมที่มีสัดส่วน 50% นอกจากนี้ ฐานลูกค้าของบริษัทก็มีการ

กระจายตัวดีขึ้น โดยยอดขายในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 31% จากสัดส่วนเพียง 12% ของรายได้รวมก่อนการลงทุน แม้ว่าตลาด

สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหลัก แต่สัดส่วนก็ลดลงเหลือ 38% เมื่อเทียบกับก่อนการลงทุนที่มีสัดส่วนถึง 48% ทั้งนี้ การผสานธุรกิจใน

อนาคตน่าจะเกิดประโยชน์ต่อกระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การจัดการผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์

ความรู้ในธุรกิจอาหารทะเลกับ MWB นอกจากนี้ การลงทุนใน MWB ยังเปิดโอกาสให้บริษัทขยายตลาดในยุโรปเพิ่มขึ้นโดยใช้

ประโยชน์จากเครื่องหมายการค้าของ MWB และการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่ผลิตในประเทศซีเชลล์และกาน่า

อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการ MWB ในอนาคตภายหลังการลงทุนยังเป็นสิ่งท้าทายโดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการลงทุนดังกล่าว

ประกอบด้วยภาวะอิ่มตัวของอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋องในประเทศชั้นนำในภูมิภาคยุโรปและภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในสห

ราชอาณาจักร ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF)
อันดับเครดิตองค์กร:	                            คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TUF116A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554	คงเดิมที่ A+
TUF13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	คงเดิมที่ A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                            Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html




เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ