ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “บ. ทุนธนชาต” ที่ระดับ “A”ด้วยแนวโน้ม “Positive”

ข่าวทั่วไป Monday December 27, 2010 14:32 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่

ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตสะท้อนฐานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งลงทุนในกลุ่มธนชาต

ตลอดจนอำนาจการบริหารงานในธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผ่านการถือหุ้น 50.96% และผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่

ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากธนาคารธนชาต ในการจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ ระบบการบริหาร

ความเสี่ยงที่พัฒนาจนได้มาตรฐาน ฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและเงินทุนจากพันธมิตรคือ Bank

of Nova Scotia (BNS) นอกจากนี้ การที่ธนาคารธนชาตซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ยังช่วยเสริม

สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ทั้งสถานะทางการตลาด ธุรกิจที่หลากหลาย และฐานะทางการเงินในอนาคตอันเป็นผลจากการเติบโต

ของสินเชื่อ ฐานเงินรับฝาก และจำนวนสาขาของธนาคารด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดจากความอ่อนแอของ

คุณภาพสินทรัพย์ รวมถึงความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการโอนกิจการของธนาคารนครหลวงไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ

ธนาคารธนชาต อันดับเครดิตยังถูกจำกัดด้วยสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และธุรกิจ

หลักทรัพย์ รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศและสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวจำกัดความ

สามารถในการทำกำไรของกลุ่มและโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงความคาดหมายที่ธนาคารธนชาตซึ่งเป็นแหล่งรายได้ หลักของบริษัททุนธนชาตจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นในช่วงเวลาของการรับโอนธุรกิจ และสามารถใช้จุดแข็งต่าง ๆ ของธนาคารธนชาต ธนาคารนครหลวงไทย และ BNS ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการตลาดของธุรกิจหลัก ของบริษัททุนธนชาตได้เป็นอย่างดี และจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงแข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป นอกจากนี้ การสนับสนุนด้านเงินทุน และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจจากทั้ง BNS และบริษัททุนธนชาตจะช่วยให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของธนาคารธนชาตดียิ่งขึ้น อีก ทั้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ภายหลังการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของฐานเงินทุนและความเพียงพอของสภาพคล่องยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิด ขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

ทริสเรทติ้งรายงานว่า BNS กลายมาเป็นพันธมิตรธุรกิจของบริษัททุนธนชาตโดยมีสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารธนชาต

24.98% ในปี 2550 และเพิ่มขึ้นเป็น 48.99% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2552 บริษัทและ BNS ได้

เพิ่มทุนในธนาคารธนชาตอีกจำนวน 2,000 ล้านบาท และด้วยกลยุทธ์การเติบโตของธนาคารธนชาต บริษัทและ BNS ได้เพิ่มทุน

ในธนาคารธนชาตอีกครั้งจำนวน 35,790 ล้านบาทในเดือนเมษายน 2553 เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการซื้อหุ้นธนาคารนครหลวง

ไทยจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินและจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยอื่น ๆ เป็นผลให้ธนาคารนครหลวงไทยกลาย

เป็นบริษัทย่อยของธนาคารธนชาตซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 99.24% การซื้อธนาคารนครหลวงไทยช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่

ธนาคารธนชาต อีกทั้งยังเป็นการกระจายพอร์ตสินเชื่อซึ่งทำให้สัดส่วนระหว่างสินเชื่อภาคธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยของธนาคาร

ธนชาตดีขึ้น

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 บริษัททุนธนชาตมีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 (เพิ่มขึ้นจากอันดับ 8 ในปี 2551) ในหมู่

ธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของสินเชื่อที่ 9.3% และของเงินรับฝากที่ 7.9% บริษัทมีสินทรัพย์รวม

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 จำนวน 845,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.74% จากสินทรัพย์รวมในปี 2552 ที่มีจำนวน 459,965

ล้านบาท รายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2553 เป็นรายได้ที่มาจากธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยจำนวน 94% ที่เหลือ

อีก 6% เป็นรายได้จากบริษัทและบริษัทย่อยอื่น ๆ (รวมทั้ง บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส จำกัด และ บริษัท บริหาร

สินทรัพย์ แม๊กซ์ จำกัด)

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงฐานะการเงินของบริษัททุนธนชาตว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2552 จำนวน

5,109 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับปี 2551 ที่มีจำนวน 2,768 ล้านบาท บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับ 9

เดือนแรกของปี 2553 จำนวน 4,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ที่จำนวน 3,936 ล้านบาท

อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในปี 2552 เท่ากับ 1.20% เพิ่มขึ้นจาก 0.77% ในปี 2551 อย่างไรก็ตาม อัตรา

ส่วนสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2553 เท่ากับ 0.65% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) เป็นผลจากการที่บริษัทมี

สินทรัพย์ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าภายหลังการควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัว

เฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 8.57% ในปี 2551 เป็น 12.81% ในปี 2552 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสำหรับงวด 9 เดือนแรก

ของปี 2553 ลดลงไปอยู่ที่ 7.24% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

(BNS) ตามการเพิ่มทุนในธนาคารธนชาต

บริษัททุนธนชาตได้สร้างคณะผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้การสนับสนุนบริษัทย่อยเพื่อให้มีความ สามารถในการแข่งขันได้ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่อพร้อมรับกับสภาวะทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง ได้เป็นอย่างดี บริษัทได้พัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การแข่งขัน ที่รุนแรงในธุรกิจธนาคารอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายธุรกิจและการทำกำไรของธนาคารธนชาตในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่า ว — จบ

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP)
อันดับเครดิตองค์กร:	                             คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TCAP11NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554    คงเดิมที่
A
TCAP131A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556   	คงเดิมที่
A
TCAP14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	คงเดิมที่
A
แนวโน้มอันดับเครดิต:		Positive (บวก)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต
การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้
เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์
เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุ
ประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริ
สเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิด
ชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะ
ไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการ
จัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ