ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่พร้อมคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ชุดปัจจุบัน “บ. กรุงเทพดุสิตเวชการ” ที่ “A” ด้วยแนวโน้ม “Positive”

ข่าวทั่วไป Thursday March 17, 2011 16:47 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ของ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกันยังยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Positive” หรือ “บวก” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุด ใหม่ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความเป็นผู้นำธุรกิจในฐานะผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนราย ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตลอดจนจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แพทย์และผู้บริหารโรงพยาบาลที่มีความสามารถและมาก ประสบการณ์ รวมทั้งบริการที่มีคุณภาพในระดับสูง ในการพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงเครือข่ายที่แข็งแกร่งของบริษัท ภายใต้ชื่อกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอชด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดัง กล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้ในอนาคตจากการขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนอัตราส่วน ผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรที่ค่อนข้างต่ำ การแข่งขันที่มีเพิ่มขึ้นจากผู้ให้บริการธุรกิจเพื่อสุขภาพจากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ และความสามารถของบริษัทในการบริหารกิจการโรงพยาบาลที่รวมเข้ามาใหม่ได้อย่างราบรื่น

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนถึงผลประกอบการและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรับตัวดี ขึ้น ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถควบคุมการบริหารโรงพยาบาลต่าง ๆ ภายใต้สังกัดได้เป็น อย่างดีและนำโรงพยาบาลภายใต้บริษัทเฮลต์ เน็ตเวิร์คเข้ามารวมกลุ่มได้สำเร็จ ในทางตรงกันข้าม หากฐานะการเงินของบริษัท ถดถอยลงหรือระดับหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ก็จะมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการก่อตั้งในปี 2512 เพื่อดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนภายใต้ชื่อ โรงพยาบาลกรุงเทพ กิจการของบริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2547 ผ่านการควบรวมกิจการ โดยบริษัทได้ซื้อกิจการ ของ บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) บริษัท บีเอ็นเอช เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด และโรงพยาบาลในจังหวัดที่สำคัญของ ประเทศไทยหลายแห่งซึ่งเป็นกิจการของ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จำกัด บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง จำกัด บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจำกัด บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ จำกัด และ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา จำกัด นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนในโรงพยาบาลอีก 2 แห่งในประเทศกัมพูชาด้วย ปัจจุบันบริษัทมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 19 แห่ง ด้วยจำนวนเตียงรวมทั้งสิ้น 2,992 เตียง ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบีเอ็นเอ ช และโรงพยาบาลในต่างประเทศภายใต้ชื่อ Royal International Hospital เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 บริษัท ประกาศที่จะรวมกิจการกับ บริษัท เฮลท์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและกลุ่มโรง พยาบาลเปาโล หลังจากการรวมกิจการในครั้งนี้ บริษัทจะมีโรงพยาบาลในสังกัดเพิ่มเป็น 27 แห่ง และมีเตียงบริการผู้ป่วยรวม 4,639 เตียง ทั้งนี้ เนื่องจากโรงพยาบาลภายใต้ตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลพญาไทและเปาโลจะเข้ามารวมในกลุ่มด้วย

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า รายได้จากการดำเนินกิจการโรงพยาบาลของบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการในช่วงปี 2549- 2553 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ระดับ 11% โดยในปี 2553 มีรายได้อยู่ที่ 23,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%จากปีก่อน เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น สำหรับจำนวนผู้ป่วยนอกต่อวันในปี 2553 นั้นอยู่ที่ 10,317 คน หรือเติบ โต 3.7% จากปี 2552 ในระหว่างปี 2553 จำนวนผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น 8% เป็น 1,499 รายต่อวัน อย่างไรก็ตาม จำนวนเฉลี่ย ของวันที่ผู้ป่วยในเข้ารับการรักษาลดลงจากประมาณ 3 วันในปี 2552 มาอยู่ที่ 2.9 วันในปี 2553 ในช่วง 5 ปีหลัง รายได้จาก ผู้ป่วยประมาณ 54%-56% มาจากผู้ป่วยใน และที่เหลือมาจากผู้ป่วยนอก ในด้านสัดส่วนของรายได้นั้น รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติคง ระดับอยู่ที่ 33%-36% ของรายได้จากผู้ป่วยรวมในช่วงปี 2549 ถึงปี 2553

เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอจากระดับประมาณ 3,000 ล้านบาทในปี 2549 มาอยู่ใน ระดับที่มากกว่า 4,000 ล้านบาทในปี 2553 โดยเงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2553 อยู่ที่ 4,400 ล้านบาท เติบโต 9% จาก ปี 2552 จากผลของการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ สภาพคล่องของบริษัทเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงาน ต่อเงินกู้รวมปรับตัวดีขึ้นจาก 32.63% ในปี 2552 เป็น 40.67% ในปี 2553 นอกจากนี้ การทำกำไรที่สูงขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ ลดลงทำให้อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับเพิ่มขึ้นจาก 8.2 เท่าใน ปี 2552 เป็น 10.1 เท่าในปี 2553 โครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นตามลำดับในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากเงินทุน จากการดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้นและค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนลดลงเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2549 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลง จากระดับ 54.5% ในปี 2549 มาอยู่ที่ 45.4% ในปี 2552 และ 39.8% ในปี 2553 ภาระหนี้ส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในสกุล เงินบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดังนั้นบริษัทจึงไม่มีความเสี่ยงในด้านอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ความสามารถในการทำ กำไรของบริษัทค่อนข้างแน่นอนและใกล้เคียงกับผู้ประกอบการรายอื่น โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้รวมคงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 22% ในช่วงระหว่างปี 2549 ถึงปี 2553

หลังการรวมกิจการกับบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คเข้ามาแล้วคาดว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่ อัตราส่วนทางการเงินในส่วนของการทำกำไรไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก คาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้จากการ ขายจะคงอยู่ที่ระดับเดิมเนื่องจากอัตราการทำกำไรของโรงพยาบาลภายใต้ตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลพญาไทและเปาโลอยู่ในระดับ ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพอยู่แล้ว สินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ของบริษัทจะทำให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อ เงินทุนถาวรมีระดับต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง สำหรับอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนนั้นคาดว่าคงไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย สำคัญจากระดับปัจจุบันเนื่องจากการรวมกิจการกับบริษัทเฮลท์ เน็ตเวิร์คกระทำโดยวิธีการแลกหุ้น ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราส่วนเงิน กู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BGH133A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556                              คงเดิมที่ A
BGH146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557                              คงเดิมที่ A
BGH153A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558                              คงเดิมที่ A
BGH166A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559                              คงเดิมที่ A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557 	 A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	Positive (บวก)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ