ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & ตราสารหนี้ “ปตท. สผ.” ที่ระดับ “AAA” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday March 24, 2011 07:44 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิต

ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท. สผ.) ที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อน

สถานะผู้นำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย ปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่มีมากพอ การสนับสนุนจากภาครัฐใน

ฐานะที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการถือสัมปทานปิโตรเลียม และฐานะทางการเงินที่ดี นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยัง

คำนึงถึงการซื้อหุ้นในสัดส่วน 40% ของโครงการทรายน้ำมัน Kai Kos Dehseh Oil Sands (KKD) ที่ประเทศแคนาดา และ

ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงดำรงฐานะทางการเงินที่แข็ง แกร่งต่อไปได้แม้จะต้องเผชิญกับแผนการลงทุนที่สูงในช่วงปี 2554-2558 ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการก่อหนี้ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นใน ปี 2555 จากการดำเนินตามนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังและเข้มงวด อีกทั้งยังคาดว่าโครงการมอนทาราจะเริ่มการ ผลิตได้ตามแผนโดยไม่มีปัญหาทางกฎหมายหรือใบอนุญาตการดำเนินงาน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปตท. สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2528 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อถือสิทธิ์สัมปทานปิโตรเลียมในนามของรัฐบาลไทย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2554 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติถือหุ้นใน ปตท. สผ. จำนวน 65.3% ทั้ง ปตท. และ ปตท. สผ. ยังคง มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติงบประมาณของไทย การเป็นตัวแทนของรัฐที่ทำหน้าที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจึงมัก ทำให้ ปตท. สผ. ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการสัมปทานปิโตรเลียมที่สำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ณ เดือนธันวาคม 2553 ปตท. สผ. มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วทั้งหมดซึ่งรวมถึงแหล่งน้ำมันในต่างประเทศที่ระดับ 1,043 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลง 5.1% เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยสัดส่วนสำรองจากโครงการในต่างประเทศคิด เป็น 41% ของปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วในปี 2553 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัดส่วน 40% ในปี 2552 เมื่อพิจารณาจากปริมาณขาย ที่ 264,575 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2553 แล้ว ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของบริษัทน่าจะผลิตได้นานประมาณ 9 ปี ซึ่งต่ำกว่าปริมาณสำรองของผู้ประกอบการระดับโลกที่มีค่าเฉลี่ยระหว่าง 10-15 ปีเล็กน้อย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2554 บริษัทมี โครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้น 44 โครงการ โดย 20 โครงการอยู่ในขั้นตอนการผลิต และที่เหลืออยู่ในขั้นตอน การสำรวจและพัฒนา

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการระดับโลกรายอื่นแล้ว ทริสเรทติ้งกล่าวว่าประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ ปตท. สผ. จัดว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้แม้ว่าต้นทุนต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้น โดยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการผลิต (Lifting Cost) ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 3.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2552 เป็น 3.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อ บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในโครงการผลิตแหล่งใหม่เป็นสำคัญ บริษัทมีต้นทุนเฉลี่ย ในการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ ปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 13.58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบ เท่าน้ำมันดิบจาก 11.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2552 ทั้งนี้ คาดว่าต้นทุนเฉลี่ยในการสำรวจและพัฒนา ปิโตรเลียมจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2554 ภายหลังจากรวมต้นทุนการซื้อโครงการ KKD มูลค่า 2,276 ล้านดอลลาร์สหรัฐและค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่เพิ่มขึ้นตามแผน แม้ว่าโครงการ KKD จะช่วยทำให้ปริมาณสำรอง ของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว แต่ต้นทุนการผลิตของโครงการจากแหล่งนอกรูปแบบ (Unconventional) จะสูงกว่า โครงการปกติ (Conventional) อีกทั้งบริษัทยังอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากการดำเนินงานจนกว่าระดับการผลิตของโครงการ KKD จะเพิ่มขึ้นเต็มที่ในปี 2558

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ฐานะทางการเงินของ ปตท. สผ. ยังคงแข็งแกร่งแม้คาดว่าจะอ่อนตัวลงในปี 2554 แม้เงิน บาทจะแข็งค่า 6.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทก็ยังมียอดขายเพิ่มขึ้น 19.8% เป็น 138,474 ล้านบาทในปี 2553 จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 13.2% เป็น 264,575 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 13.4% อัตราส่วน กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 71.6% ในปี 2552 เป็น 72.1% ในปี 2553 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อ ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 46.2 เท่าในปี 2552 เป็น 40 เท่าในปี 2553

ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนของบริษัทสำหรับปี 2554-2558 ที่ระดับ 55,000-95,000 ล้านบาทต่อปีนั้นสูงกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ ที่ 30,000-80,000 ล้านบาทต่อปี โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนการผลิตและพัฒนาที่สูงขึ้นของโครงการใหม่ ๆ อาทิ KKD ซึ่ง ประมาณ 49% ของค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนดังกล่าวจะเป็นการลงทุนในโครงการในประเทศไทย ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ (23%) อเมริกาเหนือ (18%) ประเทศออสเตรเลีย (6%) และอื่น ๆ (4%) งบลงทุน 94,475 ล้านบาทในปี 2554 คาดว่าจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจำนวน 70,000-80,000 ล้านบาทต่อปีและจากเงินกู้เพิ่มเติมอีก 20,000 ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับสูงสุดในปี 2554 หลังจากที่จ่ายชำระเงิน ลงทุนในโครงการ KKD และงบลงทุน 94,475 ล้านบาทสำหรับการผลิตและพัฒนาในปี 2554 อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการก่อ หนี้จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2555 และ 2556 จากการที่ ปตท.สผ. จะเริ่มการผลิตในโครงการใหม่ ๆ หลายแห่งระหว่างปี 2554- 2556 ทั้งนี้ การเริ่มผลิตของโครงการต่าง ๆ ทั้งโครงการ KKD มอนทารา เวียดนาม 16-1 บงกชใต้ เอ็ม 9 และแอลจีเรีย จะช่วยเพิ่มปริมาณขายของบริษัท และเพิ่มกระแสเงินสดให้แก่บริษัทในปี 2555 และ 2556 ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                                        คงเดิมที่ AAA
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
PTTEP125A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 18,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555                             คงเดิมที่
AAA
PTEP126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555                                คงเดิมที่
AAA
PTTEP135A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556                          	คงเดิมที่
AAA
PTTEP145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 11,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557                         	คงเดิมที่
AAA
PTEP183A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561                             	คงเดิมที่
AAA
PTTEP195A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562                           	คงเดิมที่
AAA
PTEP226A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565                             	คงเดิมที่
AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต	                                                         Stable (คงที่)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ