ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดใหม่ ธ. ธนชาต” ระดับ “A”

ข่าวทั่วไป Friday March 25, 2011 13:21 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทของ

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกันยังประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารที่ระดับ “A+” และ

คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ชุดปัจจุบันของธนาคารที่

ระดับ “A” และ “A-” ตามลำดับ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นจากผลของการที่ธนาคารซื้อกิจการ

ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และกระจายตัวมากกว่า รวมถึงคณะผู้

บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ในธุรกิจหลักคือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ตลอดจนการมีเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางขึ้น และ

การมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสมต่อการสร้างความแข็งแกร่งในการผสานธุรกิจในกลุ่มธนชาต นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับ

แรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์คือ Bank of Nova Scotia (BNS) จากประเทศแคนาดา ซึ่งถือ

หุ้นธนาคารในสัดส่วน 49% อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดจากสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) ที่สูงขึ้น

ของธนาคาร ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทย

และภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศและภาวะ

เศรษฐกิจโลกอาจเป็นปัจจัยที่จำกัดแผนการขยายธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มธนชาตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

อันดับเครดิต “A-” สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารธนชาต (TBANK197A และ TBANK247A) สะท้อนถึงความด้อยสิทธิและความเสี่ยงต่อการเลื่อนชำระดอกเบี้ย หุ้นกู้ดังกล่าวจะครบกำหนด ไถ่ถอนในปี 2562 และ 2567 โดยสะสมผลตอบแทน มีลักษณะด้อยสิทธิ และไม่มีหลักประกัน ธนาคารสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าว คืนทั้งจำนวนก่อนครบกำหนดได้ภายหลังจาก 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสาร และได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทนี้จะได้รับการชำระเงินในลำดับถัดจากผู้ฝากเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกัน และผู้ถือหุ้นกู้ด้อย สิทธิของธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารไม่ต้องมีภาระผูกพันในการจ่ายหนี้ใดใดสำหรับหุ้นกู้ประเภทนี้ ในกรณีที่ธนาคารมีผลประกอบ การขาดทุนในระยะเวลา 6 เดือนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธนาคารต้องจ่ายชำระดอกเบี้ย และธนาคารไม่สามารถจ่ายเงินปันผลในช่วง ดังกล่าวหรือในช่วง 6 เดือนข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตาม จำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายคืนจะเป็นจำนวนยอดสะสม

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนบทบาทของธนาคารธนชาตในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการ

เงินและการธนาคารพาณิชย์ที่สำคัญของกลุ่มธนชาต โดยคาดหมายว่าฐานะทางการตลาดในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของธนาคารภาย

ใต้การควบรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทยจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์มิให้

เสื่อมถอยลงได้ รวมถึงสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ นอกจากนี้ ยังคาด

หมายว่าความสามารถในการเพิ่มรายได้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมถึงการประหยัดต้นทุนที่เกิดจากการผสาน

ประโยชน์ภายในกลุ่มธนชาตจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธนาคารที่อาจสูงขึ้นในช่วงระหว่างการควบรวม

กิจการของธนาคารทั้ง 2 แห่ง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารธนชาตซื้อกิจการธนาคารนครหลวงไทยตามแผนกลยุทธ์การเติบโตโดยวิธีการซื้อหุ้นจาก

กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินและจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยรายอื่น ๆ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 ปัจจุบัน

ธนาคารธนชาตถือหุ้นธนาคารนครหลวงไทยรวมทั้งสิ้น 99.95% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ณ สิ้นปี 2553 ธนาคารเป็นธนาคารพาณิชย์

ที่มีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ (จากเดิมอันดับที่ 8 เมื่อปี 2551) ด้วยส่วนแบ่งตลาดสำหรับสินเชื่อ

รวมที่ 9.1% และสำหรับเงินฝากที่ 8.1% ตามงบการเงินรวม ธนาคารธนชาตมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 872.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น

101.6% จาก 433 พันล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2552 การซื้อกิจการธนาคารนครหลวงไทยทำให้ธนาคารธนชาตมีสถานะทางการแข่งขัน

ในสินเชื่อภาคธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายสินเชื่อไปสู่ภาคธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งทำให้สัดส่วนของสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจ

ต่าง ๆ ของธนาคารดียิ่งขึ้นและลดการกระจุกตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

ณ สิ้นปี 2553 ธนาคารธนชาตมีเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น 607,775 ล้านบาท เติบโตขึ้น 113.2% จากสิ้นปี 2552 ที่มีสิน

เชื่อจำนวน 285,100 ล้านบาท ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ

27% ด้วยมูลค่าสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 239,943 ล้านบาท (รวมของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย)

ธนาคารมีสินเชื่อธุรกิจคิดเป็น 39% ของสินเชื่อรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 21% ในปี 2552 ในขณะที่สินเชื่อรายย่อยอยู่ที่ 61% ของ

สินเชื่อรวม ลดลงจาก 79% เมื่อสิ้นปี 2552 สินเชื่อส่วนใหญ่ของธนาคารประกอบด้วยสินเชื่อรายย่อย โดยเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถ

ยนต์ 39% และสินเชื่อที่อยู่อาศัย 13% นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อธุรกิจซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญ โดยประกอบไปด้วยสินเชื่อกลุ่ม

อุตสาหกรรมการผลิตและการพาณิชย์ 14% และสินเชื่อกลุ่มสาธารณูปโภคและบริการ 11%

ในส่วนของหนี้สิน ธนาคารธนชาตได้ประโยชน์จากการเพิ่มฐานลูกค้าเงินฝากขนาดใหญ่และเครือข่ายสาขาจำนวนมาก

ของธนาคารนครหลวงไทยซึ่งช่วยสนับสนุนให้ธนาคารสามารถขยายขอบเขตการให้บริการทางการเงินของกลุ่มธนชาตทั้งหมดผ่าน

ช่องทางและเครือข่ายต่าง ๆ ในกลุ่มธนชาต นอกจากนี้ ยังคาดว่าการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยจะช่วยเสริมสร้าง

ความแข็งแกร่งให้แก่มูลค่าเครือข่ายทางธุรกิจของธนาคารธนชาตได้ในระยะปานกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จ

ดังกล่าวยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

ฐานะการเงินของธนาคารธนชาตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิในปี 2553 จำนวน 8,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น

116.4% จาก 4,056 ล้านบาทในปี 2552 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย นอกจากนี้

ธนาคารยังมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยสำหรับปี 2553 เพิ่ม

ขึ้นด้วย โดยอยู่ที่ระดับ 1.34% และ 17.51% ตามลำดับ จาก 1% และ 16.48% ในปี 2552

ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารธนชาตภายหลังการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยนั้น ธนาคารมีข้อจำกัด

จากการมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และ NPA เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจของธนาคารนครหลวงไทย โดยสิ้น

ปี 2553 ธนาคารมีอัตราส่วน NPL ต่อเงินให้สินเชื่อรวม 6.06% เพิ่มขึ้นจาก 3.04% ในปี 2552 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ

ธนาคารพาณิชย์ไทย 11 แห่งที่มีอัตราส่วนอยู่ที่ 4.72% นอกจากนี้ ยังมี NPA (ประกอบด้วยเงินให้สินเชื่อจัดชั้นค้างชำระเกิน

กว่า 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และทรัพย์สินรอการขาย) ณ สิ้นปี 2553 คิดเป็น 0.61 เท่าของเงินกอง

ทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคาร โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.31 เท่าเมื่อสิ้นปี 2552 แต่ยังคงใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของธนาคาร

พาณิชย์ไทย 11 แห่งที่ระดับ 0.61 เท่า ดังนั้น ความสามารถของผู้บริหารในการดูแลสินทรัพย์ไม่ให้มีคุณภาพเสื่อมถอยลง โดย

เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการควบรวมกิจการจึงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธนาคารธนชาตมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นภายหลังการซื้อกิจการ โดยมีฐานเงินรับฝากที่ขยายตัวไปยังฐาน

ลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เงินทุนของธนาคารยังแข็งแกร่งขึ้นจากผลของการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ บริษัททุน

ธนชาตและ BNS ในเดือนเมษายน 2553 จำนวน 35,790 ล้านบาท อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี

2553 เพิ่มขึ้นเป็น 8.3% จาก 6.44% ในปี 2552 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย

11 แห่งซึ่งอยู่ที่ 9.78% ธนาคารธนชาตมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นปี 2553 เท่ากับ 14.75% เพิ่มขึ้นจาก

14.1% ในปี 2552 อัตราส่วนดังกล่าวคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยอันเป็นผลจากการนำค่าความนิยมจากการซื้อกิจการธนาคารนคร

หลวงไทยมาหักออกจากเงินกองทุนชั้นที่ 1 เมื่อกิจการธนาคารนครหลวงไทยถูกรวมเข้ากับธนาคารธนชาตแล้วเสร็จในช่วง

ประมาณปลายปี 2554 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารธนชาตยังคงสูงกว่าอัตราขั้นต่ำที่ 8.5

% ซึ่งกำหนดโดย ธปท.

ปัจจุบันธนาคารธนชาตกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนการควบรวมกิจการ โดยได้มีการถอนหุ้นธนาคารนครหลวง

ไทยออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยสมัครใจเรียบร้อยแล้วในปี 2553 ธนาคารนครหลวงไทยจะยังคงดำเนินธุรกิจ

ธนาคารพาณิชย์ต่อไปจนกระทั่งกระบวนการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ และจะต้องคืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์

แก่ ธปท. ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ทั้งนี้ อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารธนชาตจะได้รับผลกระทบจาก

ความท้าทายในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเงินกองทุนและผลประกอบการของธนาคาร ทริสเรทติ้งกล่าว —

จบ

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                           คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TBANK155A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558		คงเดิมที่ A
TBANK194A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562		คงเดิมที่ A
TBANK197A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2		คงเดิมที่ A-
3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562
TBANK204A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563		คงเดิมที่ A
TBANK247A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2		คงเดิมที่ A-
1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567
หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562		A
แนวโน้มอันดับเครดิต:		                                   Positive (บวก)
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บ
ไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่า
ในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอ
แนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือ
ของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะ
อื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิ
ได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิต
นี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ
หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่
ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการ
กระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ