บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ “A” และยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 8,000 ล้านบาท (TMB153A) ของธนาคารที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” แม้ว่าผลประกอบการปี 2549 ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบของธนาคารจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งกล่าวว่าธนาคารทหารไทยมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับปี 2549 จำนวน 12,283 ล้านบาทอันเป็นผลมาจากการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามมาตรฐานบัญชีระหว่างประเทศ (IAS 39) ซึ่งหากไม่รวมผลกระทบจากรายการพิเศษดังกล่าวแล้ว ธนาคารยังคงมีระดับกำไรจากการดำเนินงานตามความคาดหมายของทริสเรทติ้ง และมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น โดยกำไรจากการดำเนินงานของธนาคารก่อนสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมีจำนวน 6,458 ล้านบาท และสัดส่วนสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารลดลงมาอยู่ในระดับ 10.3% จาก 12.0% ณ สิ้นปี 2548
สำหรับอันดับเครดิตของธนาคารในปัจจุบันนั้น ทริสเรทติ้งได้พิจารณาถึงความสัมพันธ์ของธนาคารกับธนาคารดีบีเอส (DBS) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของธนาคารในสัดส่วน 16% และเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ตามงบการเงินรวมใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ด้วย
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เนื่องจากอัตราส่วนความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากผลขาดทุนที่เกิดขึ้นดังกล่าว ดังนั้น ธนาคารจึงดำเนินการเพิ่มทุน โดยปัจจุบันธนาคารอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาเพิ่มทุนให้แข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2549 อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของธนาคารลดลงมาอยู่ในระดับ 6.3% จาก 7.2% ในปี 2548 และอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินเชื่อรวมของธนาคารก็ลดลงมาอยู่ในระดับ 8.7% จากระดับ 9.2% ในปี 2548
ปัจจุบัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ธนาคารทหารไทยที่ระดับ “A” และอันดับเครดิตตราสารหนี้ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งกล่าวว่าธนาคารทหารไทยมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับปี 2549 จำนวน 12,283 ล้านบาทอันเป็นผลมาจากการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามมาตรฐานบัญชีระหว่างประเทศ (IAS 39) ซึ่งหากไม่รวมผลกระทบจากรายการพิเศษดังกล่าวแล้ว ธนาคารยังคงมีระดับกำไรจากการดำเนินงานตามความคาดหมายของทริสเรทติ้ง และมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น โดยกำไรจากการดำเนินงานของธนาคารก่อนสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมีจำนวน 6,458 ล้านบาท และสัดส่วนสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารลดลงมาอยู่ในระดับ 10.3% จาก 12.0% ณ สิ้นปี 2548
สำหรับอันดับเครดิตของธนาคารในปัจจุบันนั้น ทริสเรทติ้งได้พิจารณาถึงความสัมพันธ์ของธนาคารกับธนาคารดีบีเอส (DBS) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของธนาคารในสัดส่วน 16% และเป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ตามงบการเงินรวมใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ด้วย
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เนื่องจากอัตราส่วนความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากผลขาดทุนที่เกิดขึ้นดังกล่าว ดังนั้น ธนาคารจึงดำเนินการเพิ่มทุน โดยปัจจุบันธนาคารอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาเพิ่มทุนให้แข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2549 อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของธนาคารลดลงมาอยู่ในระดับ 6.3% จาก 7.2% ในปี 2548 และอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินเชื่อรวมของธนาคารก็ลดลงมาอยู่ในระดับ 8.7% จากระดับ 9.2% ในปี 2548
ปัจจุบัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ธนาคารทหารไทยที่ระดับ “A” และอันดับเครดิตตราสารหนี้ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว