ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บล. บัวหลวง” ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday April 19, 2011 16:42 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ที่ ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของ บริษัทในฐานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและยังเป็น ผู้ให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและธุรกิจแก่บริษัท อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและชื่อ เสียงที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีความสามารถซึ่งมีแนว ทางการบริหารงานที่ระมัดระวัง สภาพคล่องและฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและ ความสัมพันธ์กับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่กลุ่มธนาคารกรุงเทพมีอยู่อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม สภาพการแข่งขันที่ทวี ความรุนแรง ความผันผวนของตลาดหุ้นไทย และผลกระทบจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2555 ยังคงเป็นข้อ จำกัดที่สะท้อนอยู่ในการจัดอันดับเครดิตของบริษัทในครั้งนี้ด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถใช้ประโยชน์จากจุด แข็งทางธุรกิจของบริษัทและการสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพในการสร้างระดับผลกำไรที่เพียงพอและรักษาปริมาณธุรกรรมเอาไว้ ได้ภายใต้แรงกดดันในการตั้งราคาและสภาพการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อกำหนดการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลัก ทรัพย์ใกล้เข้ามา นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงนโยบายที่ระมัดระวังของบริษัทในการลงทุนและการให้สิน เชื่อเพื่อการซื้อหลักทรัพย์ ตลอดจนความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะกระจายแหล่งที่มาของรายได้และขยายฐานลูกค้ารายย่อยของ บริษัทด้วย

ทริสเรทติ้งรายงานว่า การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายหลังการบังคับใช้อัตราค่า ธรรมเนียมแบบขั้นบันไดตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 ที่ผ่านมามิได้ส่งผลให้ บล. บัวหลวงอยู่ในสภาวะที่เสียเปรียบคู่แข่งในตลาดแต่ อย่างใด แม้ว่าอัตราค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยของบริษัทจะลดลงจาก 0.22% ในปี 2552 เหลือ 0.20% ในปี 2553 แต่บริษัทก็ยัง คงสามารถรักษาส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่สูงกว่าส่วนแบ่งทางการตลาดที่คิดจากมูลค่าซื้อขายเอาไว้ โดยบริษัท มีส่วนแบ่งรายได้ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นจาก 4.4% ในปี 2552 เป็น 4.8% ในปี 2553 ในขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดที่คิดจากมูลค่า ซื้อขายเพิ่มขึ้นจาก 4.1% ในปี 2552 เป็น 4.4% ในปี 2553 ทั้งนี้ รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2553 เติบโตขึ้น ถึง 37% มาอยู่ที่ 1,060 ล้านบาท สอดคล้องกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาด หลักทรัพย์แห่งที่ 2 (MAI) ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ระดับ 29 พันล้านบาทต่อวัน คิดเป็นอัตราเติบโต 59% เมื่อเทียบกับ ปี 2552 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในอันดับ 9 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ 35 รายที่ยังดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลัก ทรัพย์อยู่ในปี 2553

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจของ บล. บัวหลวงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นอย่างมาก ถือ ได้ว่าบริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดในด้านนี้โดยมีพื้นฐานมาจากผลงานในอดีตที่ได้รับการยอมรับและฐานลูกค้าของกลุ่มธนาคาร กรุงเทพเป็นสำคัญ ส่วนรายได้จากธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคลซึ่งรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็เติบโตขึ้น 13% มาอยู่ที่ 32 ล้าน บาทในปี 2553 ทว่ารายได้ที่สม่ำเสมอจากธุรกิจจัดการกองทุนนี้ยังคิดเป็นสัดส่วนต่ำกว่า 2% ของรายได้รวม เมื่อเปรียบเทียบกับ คู่แข่งบางรายซึ่งมีรายได้จากธุรกิจจัดการกองทุนในสัดส่วนที่สูงกว่านี้แล้ว บริษัทอาจมีความเสียเปรียบอยู่บ้างในแง่ของความ ผันผวนของรายได้รวมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่โดยรวมแล้วแหล่งที่มาของรายได้ของบริษัทถือว่ามีการกระจายตัวในระดับหนึ่ง

เนื่องจาก บล. บัวหลวงมีนโยบายการลงทุนที่จำกัดอยู่เพียงการหาผลตอบแทนแบบ Arbitrage และการป้องกัน ความเสี่ยงจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์เท่านั้น บริษัทจึงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา หลักทรัพย์ที่อยู่ในวงจำกัด ส่วนความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อของบริษัทก็อยู่ในระดับปานกลาง โดยบริษัทมียอดการให้สิน เชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2552 อยู่ที่ 226 ล้านบาท และ ณ สิ้นปี 2553 อยู่ที่ 415 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1.7% และ 1.5% ของยอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์รวมทั้งอุตสาหกรรม ตามลำดับ

ในเดือนกันยายน 2553 บริษัทได้ออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์เป็นครั้งแรกและสามารถสร้างผล ตอบแทนจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ในปี 2553 ที่สูง ถึง 118 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรที่เกี่ยวข้องกับการออกและการทำตลาดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 จนถึงสิ้นปี อย่างไรก็ตาม การทำกำไรที่สูงมากขนาดนี้ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดเฉพาะตัวในขณะนั้น ๆ และคงไม่สามารถคาดหมาย ให้บริษัททำกำไรในลักษณะนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดนี้มีการพัฒนามากขึ้นต่อไปในอนาคต

ทริสเรทติ้งยังกล่าวด้วยว่า การเป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงเทพให้ประโยชน์แก่ บล. บัวหลวงหลายประการนอก เหนือจากสิทธิประโยชน์จากการได้ใช้ชื่อ “บัวหลวง”ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประมาณ 10% ของบัญชีลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์ รายย่อยที่บริษัทได้เพิ่มมาในแต่ละปีล้วนเป็นลูกค้าที่ผ่านการแนะนำจากธนาคารกรุงเทพภายใต้สัญญา Introducing Agent ที่ทำ ไว้ร่วมกันตั้งแต่ปี 2550 ความสัมพันธ์ที่ธนาคารกรุงเทพมีต่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่มากมายยังช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบในการให้ บริการลูกค้ากลุ่มสถาบันในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ด้วย เช่น การจัดกิจกรรมให้ลูกค้ามีโอกาสเข้าพบผู้บริหารของบริษัท ใหญ่ ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มธนาคารกรุงเทพเป็นกรณีพิเศษ เป็นต้น นอกจากนี้ ในบางกรณีความสัมพันธ์ดัง กล่าวยังช่วยให้บริษัทได้ลูกค้าด้านวาณิชธนกิจเพิ่มด้วย ธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ให้สินเชื่อหลักแก่บริษัทในสัดส่วนกว่า 95% ของวง เงินสินเชื่อทั้งหมดของบริษัท

ในปี 2553 บล. บัวหลวงทำกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นจาก 224 ล้านบาทในปี 2552 มาอยู่ที่ 491 ล้านบาท โดยอัตรา ส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปอยู่ที่ระดับ 45% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กำหนดไว้เป็นอย่างมาก จำนวนพนักงานของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 544 คนจาก 505 คนในปี 2552 ในขณะที่จำนวนสาขายังคงอยู่ที่ 24 สาขาเท่ากับในปี 2552 ทริสเรทติ้ง กล่าว — จบ

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (BLS)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้
เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต
การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้
เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์
เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุ
ประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท
ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริ
สเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิด
ชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะ
ไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการ
จัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website:
http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ