บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปจ่ายชำระหนี้เดิมและใช้พัฒนาโครงการ
ที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน ตลอดจน
กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของสินค้า และคอนโดมิเนียมที่รอการส่งมอบจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการคอนโดมิเนียม “โนเบิล เพลินจิต“ มูลค่าประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท รวมถึงภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง โดยการประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและการคาดการณ์ที่ภาวะการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายได้ซื้อที่ดินไว้เป็นจำนวนมากตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2552
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยส่วนที่เหลือได้ตามกำหนด อีกทั้งจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กระแสเงินสดเมื่อมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการ แม้จะมีความต้องการเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อใช้ในโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับ ณ ปัจจุบันในระหว่างการพัฒนาโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ อัตราการขายโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” ควรสอดคล้องกับอัตราการขายโครงการในอดีตของบริษัทเพื่อรักษาอันดับเครดิตเอาไว้ที่ระดับปัจจุบันเนื่องจากเงินลงทุนจำนวนมากที่บริษัทใช้ในโครงการนี้ส่วนใหญ่มาจากการกู้ยืม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางซึ่งก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2539 ตระกูลธนากิจอำนวยและเครือญาติยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โดย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2554 มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกัน 14% บริษัทเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาตั้งแต่ปี 2549 เนื่องจากแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยหันมานิยมการมีที่พักอยู่ในเมืองมากขึ้น ณ สิ้นเดือนเมษายน 2554 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัย 15 โครงการ ด้วยมูลค่าเหลือขายประมาณ 3,700 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายที่รอการส่งมอบในช่วงที่เหลือของปี 2554 จนถึงปี 2557 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,100 ล้านบาท ที่อยู่อาศัยในโครงการของบริษัทประกอบด้วยคอนโดมิเนียมซึ่งคิดเป็น 70% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว 14% ทาวน์เฮ้าส์ 11% และที่ดินเปล่า 5% การออกแบบที่อยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้โครงการของบริษัทมีความแตกต่างไปจากโครงการของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น
ยอดขายของบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์มีมูลค่าอยู่ที่ 3,759 ล้านบาทในปี 2553 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3,696 ล้านบาทในปี 2552 อันมีสาเหตุหลักมาจากการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องของลูกค้าในโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่คือ
“โนเบิล รีดี” และ “โนเบิล รีเวนต์” อย่างไรก็ตาม ยอดขายในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2554 อยู่ที่ระดับเพียง 412 ล้านบาท โดยลดลงอย่างมากจาก 1,755 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2553 เนื่องจากไม่มีโครงการเปิดใหม่ในช่วงดังกล่าว ในขณะที่รายได้รวมของบริษัทในปี 2553 อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่จำนวน 5,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,938 ล้านบาทในปี 2552 ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้มาจากสาเหตุหลักคือการโอนคอนโดมิเนียมโครงการ “โนเบิล รีมิกซ์” “โนเบิล โซโล” และ “โนเบิล รีเฟล็กซ์” อย่างไรก็ตาม รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2554 อยู่ที่ 523 ล้านบาท ลดลงอย่างมากจาก 3,002 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอันเนื่องมาจากมีปริมาณการโอนที่ลดลง ทั้งนี้ รายได้ที่ลดลงและภาระหนี้ที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยบั่นทอนฐานะการเงินของบริษัท การสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลในช่วงกลางปี 2553 ทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 26.48% ในปี 2553 และ 23.68% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 จาก 30.46% ในปี 2552 โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่าผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายอื่น โดยอัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 60.82% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 จาก 57.53% ในปี 2553 และ 54.07% ในปี 2552 ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในโครงการ “โนเบิล เพลินจิต”
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยปกติภาครัฐมักให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ตลาดที่อยู่อาศัยของไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากแรงกระตุ้นของมาตรการจูงใจด้านภาษีของภาครัฐในช่วงปี 2551-2553 และภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะทรงตัวตลอดปี 2553 ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหลายรายได้เร่งซื้อที่ดินเพิ่มตั้งแต่ปลายปี 2552 ซึ่งส่งผลทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของผู้ประกอบการหลายรายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปี 2553 การเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2554 และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงวงจรขาขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่คาดว่าจะชะลอความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการเก็งกำไรในตลาดคอนโดมิเนียมลงและลดทอนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้จะต่ำลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายน่าจะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเล็กเพราะผู้ประกอบการรายใหญ่พยายามเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจโดยการเข้าไปแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ต่ำลง สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งกว่าในอดีต
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557 BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ rapee@tris.co.th โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html