บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนค่าก่อสร้าง และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่ช่วยประกันรายได้ของบริษัทในอนาคต อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากฐานะทางการเงินที่ถดถอยลงในช่วงปี 2553 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2554 ซึ่งเป็นผลจากการขยายโครงการเพิ่มขึ้นและการซื้อที่ดินจำนวนมาก ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและการคาดการณ์ที่ภาวะการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายซื้อที่ดินไว้เป็นจำนวนมากตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2553
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลประกอบการที่ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง โดยที่กระแสเงินสดของบริษัทควรอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีการโอนที่อยู่อาศัยจำนวนมากให้แก่ลูกค้าตามกำหนด อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทควรดำรงอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ให้สูงกว่าระดับปัจจุบันในช่วงที่มีการดำเนินการขยายธุรกิจเชิงรุกตามแผน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2536 โดยนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2548 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 กลุ่มตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 74% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยที่ทำการพัฒนาอยู่เป็นจำนวนมากถึง 210 โครงการ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2554 ด้วยมูลค่าเหลือขายรวมทั้งสิ้น 54,529 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 36,000 ล้านบาท ที่อยู่อาศัยในโครงการของบริษัทมีหลากหลายประเภท อาทิ ทาวน์เฮ้าส์ซึ่งคิดเป็น 45% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว (30%) คอนโดมิเนียม (22%) และโครงการในต่างประเทศ (3%) โดยสัดส่วนรายได้จากทาวน์เฮ้าส์ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทซึ่งคิดเป็น 51% ของรายได้รวมในปี 2552-2553 และ 59% ในไตรมาสแรกของปี 2554 ส่วนรายได้จากบ้านเดี่ยวเพิ่มเป็น 36% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2554 จาก 30%-33% ในช่วงปี 2552-2553 ในขณะที่รายได้จากคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 คิดเป็นเพียง 5% ข้อได้เปรียบในด้านต้นทุนค่าก่อสร้างของบริษัทมาจากการใช้เทคโนโลยีชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปและการบริหารจัดการงานก่อสร้างโดยบริษัทเอง ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปจำนวนมากช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้ มีผลทำให้บริษัทสามารถกำหนดราคาขายที่ได้เปรียบคู่แข่ง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตททำสถิติสูงสุดที่ระดับ 38,753 ล้านบาทในปี 2553 เพิ่มขึ้น 70% จาก 22,775 ล้านบาทในปี 2552 ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เนื่องมาจากการมียอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 12,340 ล้านบาทในปี 2553 จาก 4,721 ล้านบาทในปี 2552 ส่วนยอดขายจากทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวในปี 2553 ก็เติบโต 54% และ 24% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีก่อน ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมียอดขาย 14,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จาก 13,451 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2553 ยอดขายจากทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมลดลงในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2554 แต่ยอดขายจากบ้านเดี่ยวทำให้ยอดขายโดยรวมเติบโตขึ้น รายได้ของบริษัทในปี 2553 อยู่ที่ 23,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จาก 18,966 ล้านบาทในปี 2552 ทั้งนี้ รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2554 ลดลงเล็กน้อยเป็น 5,422 ล้านบาท ลดลง 19% จาก 6,655 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2553 ซึ่งเป็นผลจากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของภาครัฐในช่วงกลางปี 2553 ที่ทำให้ยอดโอนที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรกของปี 2553 สูงกว่าระดับปกติ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ในระดับสูงที่ 38%-39% ในช่วงปี 2553 ถึง 3 เดือนแรกของปี 2554 อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้นทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลง โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายลดลงเป็น 20.58% ในปี 2553 และ 19.16% ในไตรมาสแรกของปี 2554 จาก 25%-26% ในช่วงปี 2551-2552 กระแสเงินสดของบริษัทก็อ่อนตัวลงเพราะอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเป็น 22.13% ในปี 2553 และ 4.91% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2554 จากระดับ 167.11% ในปี 2552 และ 73.02% ในปี 2551 ทั้งนี้ การขยายธุรกิจเชิงรุกและการซื้อที่ดินจำนวนมากทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 15.84% ณ สิ้นปี 2552 เป็น 49.03% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 และ 52.13% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554
ความต้องการที่อยู่อาศัยขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยปกติภาครัฐมักให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ตลาดที่อยู่อาศัยของไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากแรงกระตุ้นของมาตรการจูงใจด้านภาษีของภาครัฐในช่วงปี 2551-2553 และภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะทรงตัวตลอดปี 2553 ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหลายรายได้เร่งซื้อที่ดินเพิ่มตั้งแต่ปลายปี 2552 ซึ่งส่งผลทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของผู้ประกอบการหลายรายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปี 2553 การเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2554 และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงวงจรขาขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่คาดว่าจะชะลอความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการเก็งกำไรในตลาดคอนโดมิเนียมลงและลดทอนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้จะต่ำลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไร
ก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายน่าจะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเล็กเพราะผู้ประกอบการรายใหญ่พยายามเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจโดยการเข้าไปแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ต่ำลง สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งกว่าในอดีต ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A อันดับเครดิตตราสารหนี้: PS121A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A PS136A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A PS13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A PS156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A PS15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ rapee@tris.co.th โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html