ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ใหม่วงเงินไม่เกิน 240 ล้านบาทและคงอันดับเครดิตองค์กร & ตราสารหนี้เดิม “ธ. เกียรตินาคิน” ที่ “A-” แนวโน้ม “Positive”

ข่าวทั่วไป Wednesday July 20, 2011 13:11 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 240 ล้านบาทของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของธนาคารคงเดิมที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลประกอบการทางธุรกิจและการเงินของธนาคารที่ดีขึ้น ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ การบริหารความเสี่ยงและแนวทางปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับ ผลงานในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง แม้ว่าธนาคารจะสามารถกระจายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยได้มากขึ้น แต่อันดับเครดิตยังมีแรงกดดันจากการมีมูลค่าเครือข่ายธุรกิจ (Franchise Value) ที่จำกัด และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดระดมเงินฝากภายหลังจากที่พระราชบัญญัติประกันเงินฝากฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงทั้งในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และหลักทรัพย์อาจจำกัดความสามารถในการขยายธุรกิจและการทำกำไรของธนาคารในอนาคต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตทางธุรกิจและการทำกำไรในระยะปานกลางเอาไว้ได้ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถของธนาคารที่จะควบคุมคุณภาพสินเชื่อและดำรงเงินกองทุนที่เพียงพอรองรับความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจและการเงินที่ผันผวนในอนาคต ความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงของฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยเนื่องจากการคุ้มครองเงินฝากเป็นประเด็นกังวลที่สำคัญในช่วงปี 2554-2555 ดังนั้น ทริสเรทติ้งจะประเมินผลกระทบภายหลังจากการบังคับใช้มาตรการคุ้มครองเงินฝากในเดือนสิงหาคม 2554 และอันดับเครดิตอาจได้รับการทบทวนปรับเพิ่มขึ้นโดยพิจารณาถึงความสามารถของธนาคารในการรักษาจุดแข็ง รวมทั้งรักษาระดับความมั่นคงของฐานเงินฝากโดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับที่สมเหตุผลภายหลังจากมาตรการคุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า เมื่อพิจารณาจากขนาดของสินทรัพย์ ธนาคารเกียรตินาคินเป็นธนาคารพาณิชย์ในลำดับที่ 9 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดของสินทรัพย์ 1.5% ในขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดของเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 1.6% และเงินฝาก 1.2% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 ธุรกิจหลักของธนาคารประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และธุรกิจการบริหารเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องและสินทรัพย์รอการขาย ธนาคารสามารถบริหารธุรกิจเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีด้วยความชำนาญภายใต้คุณภาพสินทรัพย์ที่ควบคุมได้ ผลจากแรงหนุนของการขยายตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศในอัตรา 2 หลักและการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2553 ทำให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารขยายตัวมากถึง 24% เป็น 108,313 ล้านบาท ธนาคารมีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คิดเป็นสัดส่วน 71% จากจำนวนสินเชื่อทั้งหมด ในขณะที่ 29% เป็นสินเชื่อเพื่อโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสินเชื่อประเภทอื่น ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เติบโตถึง 28% โดยมีมูลค่าเท่ากับ 77,020 ล้านบาทเมื่อเทียบกับ 60,119 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 ในขณะที่สินเชื่อเพื่อโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยและก่อสร้างเติบโตเกือบ 8% จาก 19,160 ล้านบาทเป็น 20,607 ล้านบาท

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เนื่องจากการมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ธนาคารเกียรตินาคินจึงได้กำหนดแนวทางการอนุมัติสินเชื่อและเกณฑ์การให้สินเชื่อที่เข้มงวด ส่งผลให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2550 โดยธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้น (ชั้นปกติ ชั้นสงสัย และชั้นสงสัยจะสูญ) ต่อสินเชื่อรวมลดลงอย่างมากจากระดับ 13.3% ในปี 2548 เป็น 3.6% ในปี 2553 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 6.0% ของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่ง อย่างไรก็ตาม สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือนในสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วน 16% ของสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของธนาคาร ในขณะที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของสินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนของหมวดสินเชื่อนี้มีสัดส่วน 10% อัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้นต่อสินเชื่อรวม ณ เดือนมีนาคม 2554 ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับ 3.1% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ระดับ 5.7% ของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่ง

ธนาคารมีอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ประกอบด้วยสินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน และยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 8.96% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับระดับเฉลี่ย 8.57% ของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่ง ธนาคารมีสัดส่วนการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ระดับ 109% นับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่งซึ่งอยู่ที่ระดับ 91% ในปี 2553 แม้ว่าธนาคารจะมีการขยายสินเชื่อแก่โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีความเสี่ยงสูง แต่ธนาคารก็ดำรงเงินกองทุนและตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพียงพอเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดจากสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทั้งนี้ ธนาคารมีอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินกองทุนซึ่งรวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญคิดเป็น 0.55 เท่า ซึ่งดีกว่าระดับเฉลี่ยที่ 0.61 เท่าของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่ง

ธนาคารสามารถสร้างรายได้ที่ดีขึ้นและคงระดับผลตอบแทนจำนวนมากจากสินทรัพย์ในธุรกิจหลักของธนาคาร ในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี ในปี 2553 ธนาคารรายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 2,840 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27% จาก 2,229 ล้านบาทในปี 2552 สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 35% จาก 33% ในปี 2552 โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 46% ของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่งเป็นอย่างมาก ธนาคารมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 2.11% ในปี 2553 จาก 1.84% ในปี 2552 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเช่นกันเป็น 14.62% จาก 12.69% สำหรับไตรมาสแรกของปี 2554 ธนาคารรายงานผลกำไรสุทธิ 609 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยที่ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีอยู่ที่ระดับ 0.41% และ 2.79% ตามลำดับ

ในด้านเงินทุนนั้น กลยุทธ์ในการเพิ่มจำนวนบัญชีเงินฝากรายย่อยที่มีปริมาณเงินฝากน้อยกว่าส่งผลให้สัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 6% ของเงินฝากทั้งหมด ณ เดือนธันวาคม 2553 จาก 0.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2551 ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.18% ณ สิ้นปี 2553 เนื่องจาก

ธนาคารเน้นสินเชื่อความเสี่ยงสูงที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยเฉพาะสินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัย การดำรงเงินกองทุนและการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะใช้รองรับความเสียหายที่คาดไม่ถึงจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                      คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KK119A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 	          คงเดิมที่ A-
KK127A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,493 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 	          คงเดิมที่ A-
KK12OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555   	          คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 240 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561	   A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                       Positive (บวก)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html




เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ