ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ใหม่วงเงินไม่เกิน 6,750 ล้านบาทและคงอันดับเครดิตองค์กร & ตราสารหนี้เดิม “บ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์” ที่ “A+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday July 20, 2011 13:35 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6,750 ล้านบาทของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ใหม่ไปใช้ชำระหนี้เงินกู้เดิม อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ระดับโลก รวมถึงการมีสินค้าและฐานลูกค้าที่หลากหลาย การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการมีตราสินค้า “Chicken of the Sea” ที่เป็นที่รู้จักในธุรกิจปลาทูน่ากระป๋องในประเทศสหรัฐอเมริกาและตราสินค้าในธุรกิจอาหารทะเลกระป๋องอีกหลายตราที่เป็นที่รู้จักในทวีปยุโรปด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความอิ่มตัวของอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมถึงความเสี่ยงจากความแปรปรวนของราคาปลาทูน่าและความผันผวนของค่าเงินบาท

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาดและความมีประสิทธิภาพในการผลิต ฐานตลาดส่งออกที่กระจายตัวดีขึ้น รวมถึงสัดส่วนการจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของตนเองมากขึ้นจะช่วยให้กำไรของบริษัทมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันจะลดลงโดยลำดับและอยู่ต่ำกว่าระดับนโยบายที่ 50% ในระยะปานกลาง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ ก่อตั้งในปี 2531 โดยตระกูลจันศิริ ผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลมากกว่า 2 ทศวรรษ บริษัทเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทยโดยมียอดขายในปี 2553 อยู่ที่ 71,507 ล้านบาท และมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องจำนวน 220,000 ตัน ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของบริษัทมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการรวมงานด้านบรรจุภัณฑ์เข้ากับเครือข่ายกระจายสินค้า ในเดือนตุลาคม 2553 บริษัทได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของ MW Brands Holding Group (MWB) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องแบบครบวงจรตั้งแต่การมีกองเรือจับปลาไปจนถึงโรงงานผลิต และช่องทางจัดจำหน่ายในตลาดยุโรป บริษัทมีโรงงานหลักตั้งอยู่ในประเทศซีเชลล์และกาน่า และมีตลาดหลักอยู่ในประเทศฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ การซื้อหุ้น MWB ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของตราสินค้าที่มียอดจำหน่ายอันดับต้น ๆ ในยุโรป ได้แก่ Petit Navire, John West, Mareblu และ Hyacinthe Parmentier นอกเหนือจาก “Chicken of the Sea” ซึ่งเป็นตราสินค้าที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การซื้อกิจการ MWB ทั้งหมดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ช่วยเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจปลา

ทูน่าให้แก่บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ มากยิ่งขึ้น โดยปริมาณผลิตปลาทูน่าเพิ่มขึ้นเป็น 85,000 ตันในไตรมาสแรกของปี 2554 หรือประมาณ 330,000 ตันต่อปี ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของปริมาณการผลิตปลาทูน่าทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดส่งออกของบริษัทก็มีการกระจายตัวยิ่งขึ้น โดยยอดขายในสหภาพยุโรปมีสัดส่วนคิดเป็น 33% ของรายได้รวมในไตรมาสแรกของปี 2554 เทียบกับ 16% ในปี 2553 ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดหลักของบริษัท โดยคิดเป็นสัดส่วน 37% ของรายได้รวมในไตรมาสแรกของปี 2554 ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 คิดเป็นสัดส่วน 9% บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2554 ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าคิดเป็น 52% ของยอดขายรวม ตามด้วยกุ้งแช่แข็ง 17% อาหารสัตว์กระป๋อง 7% และอาหารทะเลกระป๋อง 4%

ฐานรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2554 บริษัทมียอดขายรวม 743 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายของ MWB เท่ากับ 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 23% ของยอดขายรวม ยอดขายของบริษัทซึ่งไม่รวมของ MWB คิดเป็น 569 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยอดขายของ MWB นั้นเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 7.4% ในไตรมาสแรกของปี 2554 จาก 6.5% ในปี 2553 เนื่องจากการรวม MWB ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทยังต่ำกว่าคาดเนื่องจากต้นทุนกุ้งและปลาทูน่าที่สูงขึ้น กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนสินค้าคงคลังของ MWB ที่สูงขึ้น 2.8 ล้านยูโรจากการประเมินราคาใหม่เพื่อให้สะท้อนราคาตลาดในช่วงที่บริษัทซื้อกิจการของ MWB อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในไตรมาสแรกของปี 2554 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,822 ล้านบาทตามการเติบโตของยอดขาย อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ เดือนมีนาคม 2554 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 62.2% จาก 61.7% ณ สิ้นปี 2553 เนื่องจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นและการอ่อนตัวของค่าเงินบาท อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2554 อยู่ในระดับต่ำเพียง 3.5 เท่า ทั้งนี้ คาดว่าความสามารถในการทำกำไรและชำระหนี้ของบริษัทในส่วนที่เหลือของปีจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากบริษัทได้จำหน่ายสินค้าคงคลังราคาสูงที่เกิดจากการปรับปรุงทางบัญชีไปหมดแล้วเมื่อไตรมาสแรกของปี 2554 นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทยอยปรับเพิ่มราคาสินค้าตามต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย อีกทั้งการลดระยะเวลาในการรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์กุ้งจะช่วยให้บริษัทสามารถปรับราคาเพื่อให้สะท้อนต้นทุนได้อย่างทันเวลายิ่งขึ้นและช่วยฟื้นกำไรของธุรกิจกุ้งให้กลับคืนสู่ระดับปกติได้ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                        คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TUF13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	            คงเดิมที่ A+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 6,750 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564	     A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                         Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html








เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ