บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) ที่ระดับ “AA-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกันยังยืนยันอันดับเครดิตบริษัทลูกของ RATCH คือ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RATCHGEN) และหุ้นกู้มีประกัน (RG086A, RG106A) ที่ระดับ “AA” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”
โดยอันดับเครดิต “AA-” ของ RATCH สะท้อนถึงรายได้ที่แน่นอนในรูปของเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทลูกคือ RATCHGEN รวมถึงการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่มีพื้นฐานดี และนโยบายการลงทุนที่มีความระมัดระวัง ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงศักยภาพในการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวและการเข้าร่วมในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชน (Independent Power Producer — IPP) รอบใหม่ในประเทศไทย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลที่แน่นอนจาก RATCHGEN และจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าอื่นๆ โดยที่รายได้จากเงินปันผลปีละ 5,000-6,000 ล้านบาทจะเป็นแหล่งเงินทุนหลักของบริษัทในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ในอนาคต
ส่วนอันดับเครดิตในระดับ “AA” ของ RATCHGEN และหุ้นกู้มีประกันสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนที่ได้รับจากโรงไฟฟ้าราชบุรีซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานแข็งแกร่งและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนประสบการณ์ที่ยาวนาน และผลงานในการบริหารโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าด้วย โดยที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า RATCHGEN จะยังคงได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนจากรายได้ค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าราชบุรีและยังคาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะยังคงดำรงความสามารถในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าต่อไป
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งรายงานว่า RATCH ก่อตั้งในปี 2543 เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าราชบุรีจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ณ เดือนพฤษภาคม 2550 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ RATCH ประกอบด้วย กฟผ. ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 45% รองลงมาได้แก่กลุ่มบ้านปู (14.99%) และกองทุนประกันสังคม (4.91%) ปัจจุบันธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยโรงไฟฟ้าจำนวน 5 โรงซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 4,501 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 22,033 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 บริษัทได้รับเงินปันผลสำหรับปี 2549 จำนวน 5,353 ล้านบาทจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า 2 แห่ง คือ RATCHGEN และ บริษัท ไตร เอนเนอจี้ จำกัด (TECO) โดย RATCHGEN ยังคงเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 81% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท และสร้างรายได้ถึง 96% ของรายได้จากเงินปันผลรวมของบริษัท
บริษัทมีนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวัง โดยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทล้วนมีสัญญาขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) ระยะยาวกับ กฟผ. ทั้งสิ้น นอกเหนือจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าเอกชนกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ในประเทศไทย คือ บริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการผลิต และโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวแล้ว บริษัทยังได้ยื่นประมูลเพื่อเป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรอบใหม่อีกจำนวน 2 โรงด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,600 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อผู้ประมูลที่ได้รับคัดเลือกภายในสิ้นปี 2550 และจะมีการลงนามในสัญญาขายไฟฟ้าฉบับใหม่ภายในเดือนมิถุนายน 2551
ในส่วนของ RATCHGEN นั้น ทริสเรทติ้งกล่าวว่า RATCHGEN เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย RATCH บริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,645 เมกะวัตต์ หรือเท่ากับ 13% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวมของประเทศ บริษัทมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปีกับ กฟผ. และมีสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติระยะเวลา 25 ปีกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) RATCHGEN มีผลประกอบการในปี 2549 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยบริษัทสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนให้อยู่ที่ระดับ 95.5% และของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมให้อยู่ที่ระดับ 88.6% รายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้น 14.4% จาก 44,035 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 50,373 ล้านบาทในปี 2549 และมีอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (ไม่รวมบัญชีเงินสำรองเพื่อการชำระหนี้ แต่หักส่วนเปลี่ยนแปลงสุทธิของเงินทุนหมุนเวียน) อยู่ที่ระดับ 2.0 เท่า ณ สิ้นปี 2549 ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2550 จะน่าพอใจ แต่แผนการหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้า 3 โรงจากจำนวน 5 โรงเพื่อทำการซ่อมบำรุงใหญ่ในครึ่งหลังของปี 2550 จะทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2550 ถดถอยลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ทำไว้กับ กฟผ.
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การซ่อมแซมระบบเครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (FGD) ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเครื่องที่ 1 ของ RATCHGEN ซึ่งเป็นผลจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อเดือนตุลาคม 2548 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม 2550 โดยประมาณ 97% ของค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ถูกเพลิงไหม้จำนวน 2,154 ล้านบาทจะได้รับการจ่ายชดเชยโดยกรมธรรม์ประกันภัย -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
โดยอันดับเครดิต “AA-” ของ RATCH สะท้อนถึงรายได้ที่แน่นอนในรูปของเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทลูกคือ RATCHGEN รวมถึงการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่มีพื้นฐานดี และนโยบายการลงทุนที่มีความระมัดระวัง ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงศักยภาพในการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวและการเข้าร่วมในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชน (Independent Power Producer — IPP) รอบใหม่ในประเทศไทย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลที่แน่นอนจาก RATCHGEN และจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าอื่นๆ โดยที่รายได้จากเงินปันผลปีละ 5,000-6,000 ล้านบาทจะเป็นแหล่งเงินทุนหลักของบริษัทในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ในอนาคต
ส่วนอันดับเครดิตในระดับ “AA” ของ RATCHGEN และหุ้นกู้มีประกันสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนที่ได้รับจากโรงไฟฟ้าราชบุรีซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานแข็งแกร่งและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตลอดจนประสบการณ์ที่ยาวนาน และผลงานในการบริหารโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าด้วย โดยที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า RATCHGEN จะยังคงได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนจากรายได้ค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าราชบุรีและยังคาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะยังคงดำรงความสามารถในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าต่อไป
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งรายงานว่า RATCH ก่อตั้งในปี 2543 เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าราชบุรีจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ณ เดือนพฤษภาคม 2550 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ RATCH ประกอบด้วย กฟผ. ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 45% รองลงมาได้แก่กลุ่มบ้านปู (14.99%) และกองทุนประกันสังคม (4.91%) ปัจจุบันธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยโรงไฟฟ้าจำนวน 5 โรงซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 4,501 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 22,033 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 บริษัทได้รับเงินปันผลสำหรับปี 2549 จำนวน 5,353 ล้านบาทจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า 2 แห่ง คือ RATCHGEN และ บริษัท ไตร เอนเนอจี้ จำกัด (TECO) โดย RATCHGEN ยังคงเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 81% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท และสร้างรายได้ถึง 96% ของรายได้จากเงินปันผลรวมของบริษัท
บริษัทมีนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวัง โดยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทล้วนมีสัญญาขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement -- PPA) ระยะยาวกับ กฟผ. ทั้งสิ้น นอกเหนือจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าเอกชนกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ในประเทศไทย คือ บริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการผลิต และโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวแล้ว บริษัทยังได้ยื่นประมูลเพื่อเป็นผู้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรอบใหม่อีกจำนวน 2 โรงด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,600 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อผู้ประมูลที่ได้รับคัดเลือกภายในสิ้นปี 2550 และจะมีการลงนามในสัญญาขายไฟฟ้าฉบับใหม่ภายในเดือนมิถุนายน 2551
ในส่วนของ RATCHGEN นั้น ทริสเรทติ้งกล่าวว่า RATCHGEN เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย RATCH บริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,645 เมกะวัตต์ หรือเท่ากับ 13% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวมของประเทศ บริษัทมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปีกับ กฟผ. และมีสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติระยะเวลา 25 ปีกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) RATCHGEN มีผลประกอบการในปี 2549 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยบริษัทสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนให้อยู่ที่ระดับ 95.5% และของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมให้อยู่ที่ระดับ 88.6% รายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้น 14.4% จาก 44,035 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 50,373 ล้านบาทในปี 2549 และมีอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (ไม่รวมบัญชีเงินสำรองเพื่อการชำระหนี้ แต่หักส่วนเปลี่ยนแปลงสุทธิของเงินทุนหมุนเวียน) อยู่ที่ระดับ 2.0 เท่า ณ สิ้นปี 2549 ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2550 จะน่าพอใจ แต่แผนการหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้า 3 โรงจากจำนวน 5 โรงเพื่อทำการซ่อมบำรุงใหญ่ในครึ่งหลังของปี 2550 จะทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมในปี 2550 ถดถอยลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ทำไว้กับ กฟผ.
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การซ่อมแซมระบบเครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (FGD) ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเครื่องที่ 1 ของ RATCHGEN ซึ่งเป็นผลจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อเดือนตุลาคม 2548 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม 2550 โดยประมาณ 97% ของค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ถูกเพลิงไหม้จำนวน 2,154 ล้านบาทจะได้รับการจ่ายชดเชยโดยกรมธรรม์ประกันภัย -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว