ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท “บ. แสนสิริ” ที่ระดับ “BBB”

ข่าวทั่วไป Tuesday September 6, 2011 09:06 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัท ตลอดจนผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย รวมถึงแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดคอนโดมิเนียม ความหลากหลายของสินค้า และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่เป็นหลักประกันรายได้ของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง รวมทั้งจากการเพิ่มขึ้นของค่าวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างแรงงาน ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยส่วนที่เหลือได้ตามกำหนด อีกทั้งจะสามารถเสริมสภาพคล่องให้แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ไปจนถึงปี 2556 โดยบริษัทมีความท้าทายในการดำรงอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับเดียวกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำรายอื่น ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ควรจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ให้สูงไปกว่าระดับปัจจุบันแม้จะต้องดำเนินการตามแผนการขยายโครงการจำนวนมาก

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ เดือนสิงหาคม 2554 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายจำนวน 48 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 62,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 44% บ้านเดี่ยว 38% และทาวน์เฮ้าส์ 18% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ราคาขายเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยโดยรวมอยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อหน่วย ณ เดือนสิงหาคม 2554 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ประมาณ 29,000 ล้านบาท ในขณะที่มีมูลค่าโครงการพร้อมขายประมาณ 17,000 ล้านบาท บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดมิเนียม

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทแสนสิริขึ้นสู่สถิติสูงสุดที่ระดับ 24,995 ล้านบาทในปี 2553 โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 13,964 ล้านบาทในปี 2552 และ 10,446 ล้านบาทในปี 2551 จากการมียอดขายที่เพิ่มขึ้นในโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ที่เปิดตัวในปี 2553 ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยยอดขายคอนโดมิเนียมพุ่งขึ้นเป็น 14,486 ล้านบาทในปี 2553 ซึ่งสูงกว่าระดับ 6,315 ล้านบาทในปี 2552 เป็นอย่างมาก ยอดขายของบริษัทในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยอยู่ที่ 14,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จาก 12,839 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2553 ยอดขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นประมาณ 76% และ 39% ตามลำดับ จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ทั้งนี้ ยอดขายคอนโดมิเนียมกลับลดลงประมาณ 44% อยู่ที่ 3,658 ล้านบาทในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2554 จาก 6,474 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายเพียงโครงการเดียวในช่วงดังกล่าว

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงรายได้รวมของบริษัทแสนสิริว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 18% เป็น 18,596 ล้านบาทในปี 2553 จาก 15,824 ล้านบาทในปี 2552 รายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 อยู่ที่ 7,887 ล้านบาท ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 10,697 ล้านบาท การลดลงของรายได้เป็นผลมาจากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลในช่วงกลางปี 2553 ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ให้สูงกว่าระดับปกติ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วงระหว่างปี 2553 จนถึงครึ่งแรกของปี 2554 อย่างไรก็ตาม การสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลและการส่งเสริมด้านการตลาดที่มากขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วลดลงเป็น 15.03% ในปี 2553 และ 13.06% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 จาก 18.19% ในปี 2552 บริษัทมีกระแสเงินสดที่อ่อนตัวลง โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเป็น 10.24% ในปี 2553 จาก 12.05% ในปี 2552 และอยู่ที่ 3.85% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 การขยายโครงการจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่าผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายราย โดยอยู่ที่ระดับ 63%-64% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 และสิ้นเดือนมิถุนายน 2554

ความต้องการที่อยู่อาศัยขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยปกติภาครัฐมักให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ตลาดที่อยู่อาศัยของไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากแรงกระตุ้นของมาตรการจูงใจด้านภาษีของภาครัฐในช่วงปี 2551-2553 และภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะทรงตัวตลอดปี 2553 ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหลายรายได้เร่งซื้อที่ดินเพิ่มตั้งแต่ปลายปี 2552 ซึ่งส่งผลทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของผู้ประกอบการหลายรายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปี 2553 การเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2554 และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงวงจรขาขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่คาดว่าจะชะลอความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการเก็งกำไรในตลาดคอนโดมิเนียมลง ในขณะเดียวกันก็ลดทอนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้จะต่ำลงเมื่อเทียบกับ

ปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายน่าจะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเล็กเพราะ

ผู้ประกอบการรายใหญ่พยายามเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจโดยการเข้าไปแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ต่ำลง สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งกว่าในอดีต ในส่วนนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ทริสเรทติ้งจะติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดต่อไป ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                      คงเดิมที่ BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SIRI126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	          คงเดิมที่ BBB
SIRI167A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	          คงเดิมที่ BBB
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559       BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                       Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html








เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ