ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้และคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. เหมราชพัฒนาที่ดิน” ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday September 20, 2011 13:13 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดย แนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปลงทุนขยายธุรกิจตามแผน อันดับเครดิตดัง กล่าวสะท้อนถึงผลงานในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่ยอมรับและรายได้ประจำจากบริการสาธารณูปโภคที่เติบโตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศประชาคมยุโรป ประเทศ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น รวมถึงธรรมชาติที่ผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท ส่วน แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจ นิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ และลดความผันผวนของรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมให้แก่บริษัท นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคง รักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ในนโยบายที่ 50% ได้ต่อไปแม้ในขณะที่มีการดำเนินการ ตามแผนขยายธุรกิจ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยซึ่งก่อตั้ง ในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2535 ณ เดือนมีนาคม 2554 กลุ่มตระกูลหอรุ่งเรืองถือหุ้น ของบริษัทในสัดส่วน 15.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด นอกจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและการให้บริการสาธารณูปโภค แล้ว บริษัทยังพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรูในใจกลางกรุงเทพฯ ด้วย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการขายอสังหาริม ทรัพย์ของบริษัท ซึ่งรวมถึงคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วน 60%-70% ของรายได้รวม ยกเว้นในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ความต้อง การที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหดตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ส่วนรายได้ที่เหลือ 30%-40% เป็นรายได้ประจำซึ่งส่วนใหญ่ มาจากบริการสาธารณูปโภคและค่าเช่าโรงงาน

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นเจ้าของและบริหารนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด ระยอง ชลบุรี และสระบุรี ด้วยพื้นที่รวมทั้งหมด 31,350 ไร่ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 มีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 443 ราย ซึ่ง 36% เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 11% เป็นลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมี ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 บริษัทมีพื้นที่ เหลือขาย 7,736 ไร่ โดยประมาณ 44% อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (H-ESIE) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ของบริษัทได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนนโยบายทาง บัญชี ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม 2554 สภาวิชาชีพบัญชีได้เปลี่ยนวิธีการรับรู้รายได้สำหรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นการรับรู้ รายได้เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์จากเดิมที่เคยรับรู้ตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง การเปลี่ยนวิธีการรับรู้รายได้ดังกล่าวส่งผล ทำให้รายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ลดลงถึง 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหลือเพียง 1,427 ล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ก็ปรับตัวลดลง 48% เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อนเป็น 382 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทยังคงสูงถึง 769 ไร่ในช่วงครึ่ง แรกของปี 2554 จากการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นสำคัญ การมียอดขายที่ดินในระดับที่ดีในช่วง ครึ่งแรกของปีทำให้คาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2554

รายได้ประจำของบริษัทยังคงแข็งแกร่งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 รายได้จากการ ขายสาธารณูปโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 68% ของรายได้ประจำในปี 2553 เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 842 ล้าน บาท ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตคือความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจและผลจากการรวมงบการเงินกับ บริษัท เหมราช สระบุรี ที่ดินอุตสาหกรรม จำกัด และ บริษัท เหมราช ระยอง ที่ดินอุตสาหกรรม จำกัด ธุรกิจโรงงานให้เช่าก็ เติบโตเช่นกัน โดยพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น 21,069 ตารางเมตร (ตร.ม.) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 เทียบกับพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น 17,231 ตร.ม. ตลอดปี 2553 รายได้ค่าเช่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 เติบโตถึง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อน

อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างทุนของบริษัททรงตัวอยู่ที่ 46.0% ณ เดือนมิถุนายน 2554 เทียบกับ 46.6% ณ เดือนธันวาคม 2553 ในอนาคตคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีแผนลงทุนจำนวนมาก โดยจะใช้งบลงทุนปี ละ 4,000-6,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2554-2555 แผนการลงทุนดังกล่าวรวมการลงทุนใน บริษัท เก็คโค่-วัน จำกัด (GHECO-One) ตลอดจนการขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการสาธารณูปโภค รวมถึงการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าใน โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) แม้ว่าภาระหนี้จะเพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทก็ได้กำหนดแผนการชำระคืนหนี้ที่มีการกระจายตัวดี โดยบริษัทมีกำหนดการชำระคืนเงินกู้จำนวน 350-850 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2554-2555 โดยใช้เงินทุนจากการดำเนิน งานที่บริษัททำได้ปีละ 700-900 ล้านบาท นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 บริษัทยังมีเงินสดในมือจำนวน 2,500 ล้าน บาทและมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่าง ๆ อีกประมาณ 2,000 ล้านบาทด้วย ส่วนแผนการชำระคืนหนี้ที่เพิ่มขึ้นในปี 2556 นั้นจะใช้เงินปันผลที่ได้จาก GHECO-One ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ที่บริษัทถือหุ้น 35% ทั้ง นี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์และจ่ายเงินปันผลให้แก่บริษัทได้ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศในประชาคมยุโรป และญี่ปุ่นว่าอาจทำให้ผู้ประกอบการชะลอแผนการขยายกำลังการผลิตออกไปบ้าง อย่างไรก็ตาม คาด ว่าผลกระทบดังกล่าวจะบรรเทาลงจากแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยหลังจากเกิดภัยพิบัติคลื่นสึ นามิในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 โดยประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีและมีความพร้อมด้าน สาธารณูปโภคในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น นอกจากนี้ รัฐบาลไทยชุดปัจจุบันยังได้ประกาศโครงการประชานิยมหลายโครงการ ซึ่ง หนึ่งในโครงการที่สำคัญคือการคืนภาษีไม่เกิน 100,000 บาทให้แก่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรก โดยผู้มีสิทธิ์ได้รับภาษีคืนจากโครงการดัง กล่าวได้แก่ผู้ซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถกระบะซึ่งมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และเป็นการซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 16 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โครงการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยผลักดันความต้องการใช้รถยนต์ในระยะสั้นและจะ ช่วยลดผลกระทบจากการชะลอตัวในตลาดส่งออกรถยนต์ได้บางส่วน — จบ

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (Hemraj)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                        คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 25          A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                        Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ
10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้
เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าใน
รูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะ
ให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของ
บริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่น
ใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้
คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควร
ประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับ
เครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความ
เพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิด
จากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้
รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผย
แพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ