ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ “บ. บ้านปู” ที่ระดับ “A+/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday September 27, 2011 09:22 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดถ่านหินในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนความหลากหลายของแหล่งถ่านหินและฐานลูกค้า รวมถึงรายได้เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้า ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงแผนการซื้อหุ้น 100% ใน Hunnu Coal Limited (Hunnu) ด้วย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลีย ตลอดจนแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการถ่านหินและราคาถ่านหินยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทบ้านปูจะยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่เหมาะสมในช่วงการลงทุนระหว่างปี 2554-2556 ทั้งนี้ เงินปันผลที่แน่นอนจากธุรกิจไฟฟ้าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจถ่านหินที่มีความท้าทายมากขึ้นในอนาคต

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบ้านปูเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานรายใหญ่ในเอเชียซึ่งก่อตั้งในปี 2526 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตถ่านหินในประเทศไทย บริษัทขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีแหล่งถ่านหินอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย จีน และออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังขยายการลงทุนสู่ธุรกิจไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและจีนด้วย ธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียยังคงเป็นแหล่งสร้างกำไรหลักของบริษัท โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 กำไรจากธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียมีสัดส่วน 62% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) กำไรจากธุรกิจในประเทศออสเตรเลียคิดเป็น 27% ของ EBITDA ส่วนกำไรจากธุรกิจในประเทศไทยและจีนคิดเป็นสัดส่วน 9% และ 2% ของ EBITDA ตามลำดับ เมื่อพิจารณาในด้านของประเภทธุรกิจ กำไรจากธุรกิจถ่านหินคิดเป็นสัดส่วน 91% ของ EBITDA ในขณะที่กำไรส่วนที่เหลือซึ่งมาจากธุรกิจไฟฟ้ามีสัดส่วน 9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปริมาณการผลิตถ่านหินของกลุ่มบ้านปูในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 (ไม่รวมประเทศจีน) คิดเป็นจำนวน 18.3 ล้านตัน ประกอบด้วยถ่านหินที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย 10.9 ล้านตันและในออสเตรเลีย 7.4 ล้านตัน ณ เดือนมิถุนายน 2554 ปริมาณสำรองถ่านหินของบริษัทในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลียมีจำนวนรวม 685.7 ล้านตัน ในขณะที่ปริมาณสำรองถ่านหินคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 512.5 ล้านตัน ทั้งนี้ ปริมาณสำรองดังกล่าวเทียบเท่ากับปริมาณการผลิตราว 16 ปี ธุรกิจถ่านหินในประเทศออสเตรเลียซึ่งดำเนินงานภายใต้ Centennial Coal Co., Ltd. (CEY) มีผลการดำเนินงานตามคาด CEY ขายถ่านหินได้ 7.4 ล้านตันในครึ่งแรกของปี 2554 และมีรายได้ 511 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของ CEY อยู่ในระดับ 33% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 10% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 CEY รายงาน EBITDA จำนวน 159 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 40 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

นอกจากธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลียแล้ว บริษัทบ้านปูยังเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินอีก 3 แห่งในประเทศจีน ได้แก่ เหมือง Daning เหมือง Hebi และเหมือง Gaohe เหมือง Daning และ Hebi ผลิตถ่านหินรวม 5.1 ล้านตันต่อปีในปี 2553 ส่วนเหมือง Gaohe ยังอยู่ระหว่างการเตรียมการผลิตเชิงพาณิชย์ ในเดือนธันวาคม 2553 ใบอนุญาตของเหมือง Daning ซึ่งบริษัทถือหุ้น 56% หมดอายุลง ทำให้เหมือง Daning ซึ่งปกติผลิตถ่านหินปีละ 4 ล้านตันต้องหยุดการผลิต บริษัทตัดสินใจขายเหมืองดังกล่าวให้แก่ผู้ร่วมทุนชาวจีนในเดือนมีนาคม 2554 บริษัทได้รับเงินจำนวน 669 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรจากการขายเงินลงทุน 272 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2554

ในเดือนมีนาคม 2554 กลุ่มบริษัทบ้านปูซื้อหุ้นจำนวน 12.4% ใน Hunnu ซึ่งเป็นผู้สำรวจและพัฒนาเหมืองถ่านหินในประเทศมองโกเลียด้วยมูลค่าเงินลงทุน 45 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2554 บริษัทได้ประกาศจะซื้อกิจการของ Hunnu ผ่านบริษัทย่อยคือ Banpu Minerals (Singapore) Pte. Ltd. ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขของคำเสนอซื้อหุ้นนั้น กลุ่มบ้านปูจะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 87.6% ในราคาหุ้นละ 1.80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และใบแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ (Options) ของ Hunnu บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 423 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในการซื้อกิจการ โดยแหล่งเงินทุนประมาณ 50% จะมาจากเงินสดในมือ ส่วนที่เหลือจะเป็นการกู้ยืม คำเสนอซื้อหุ้นดังกล่าวจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญหลายประการ เช่น การซื้อหุ้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก Foreign Investment Review Board ของประเทศออสเตรเลีย รวมถึงกลุ่มบ้านปูจะต้องถือหุ้นใน Hunnu ไม่ต่ำกว่า 90% ของจำนวนหุ้นและใบแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด เป็นต้น

Hunnu เป็นบริษัทที่ก่อตั้งและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553 บริษัทมีโครงการเหมืองถ่านหิน 15 แห่งในประเทศมองโกเลีย และปัจจุบันมีปริมาณแหล่งสำรองถ่านหินที่มีศักยภาพ (Coal Resource) รวม 691 ล้านตัน (คิดจากสัดส่วนการถือหุ้น) เหมืองทั้งหมดของ Hunnu อยู่ในขั้นตอนการสำรวจและพัฒนา ในปี 2553 สิ้นสุดเดือนธันวาคม บริษัทรายงานขาดทุนสุทธิ 7.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และมีผลขาดทุน 3.3 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 Hunnu มีสินทรัพย์รวม 137.1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียและไม่มีหนี้กับสถาบันการเงินใดใด ปัจจุบันบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 116.9 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ณ เดือนมิถุนายน 2554

อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทบ้านปูปรับตัวสูงขึ้นในปี 2553 เมื่อบริษัทซื้อกิจการ CEY อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงเป็น 42.4% ณ เดือนมิถุนายน 2554 จาก 51.6% ณ เดือนธันวาคม 2553 ในระหว่างปี 2554-2558 บริษัทวางแผนใช้งบลงทุนจำนวนมากถึง 350-450 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเพื่อขยายกำลังการผลิตและปริมาณสำรองถ่านหินในประเทศออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เงินลงทุนดังกล่าวรวมการลงทุนในโครงการหงสาซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ในประเทศลาวจำนวน 344 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557-2558 ตามสัดส่วนที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 40% ทั้งนี้ จากที่คาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ปีละประมาณ 900-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจึงน่าจะเพียงพอต่อแผนการลงทุนที่วางไว้ บริษัทวางแผนชำระคืนหนี้ปีละ 200-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อโครงสร้างเงินทุน

ค่อย ๆ ปรับลดลงใน 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หากการซื้อกิจการ Hunnu สำเร็จอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็น่าจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่านโยบายโครงสร้างเงินทุนของบริษัท

บริษัทบ้านปูรายงานกำไรสุทธิสูงถึง 12,324 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2554 เนื่องจากมีกำไรหลังภาษีจากการขายเหมือง Daning จำนวน 6,307 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวขึ้นเป็น 23.2% ในครึ่งแรกของปี 2554 จาก 17.4% ในปี 2553 เนื่องจากราคาขายถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง EBITDA เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 13,158 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2554 ราคาถ่านหินที่สูงช่วยลดผลกระทบจากกำไรที่ลดลงจากธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนหลังการขายเหมือง Daning ออกไป กำไรตามวิธีส่วนได้เสียจากธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนลดลงเหลือ 174 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2554 จาก 2,536 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ในอนาคตคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากบริษัทได้ทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าจำนวน 85% ของปริมาณขายในปี 2554 ไว้แล้วในระดับราคาที่ดี ในขณะที่การผลิตถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2554 เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูฝน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา กลุ่มประชาคมยุโรป และญี่ปุ่นอาจเป็นแรงกดดันต่อราคาถ่านหินและผลการดำเนินงานในธุรกิจถ่านหินของบริษัทในระยะปานกลาง

ในเดือนกรกฎาคม 2554 รัฐบาลออสเตรเลียประกาศจะเรียกเก็บภาษีคาร์บอนเพื่อลดการปล่อยก๊าซที่มีคาร์บอน โดยกำหนดให้บริษัทในอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซที่มีคาร์บอนในปริมาณมากจะต้องเสียภาษีคาร์บอน คาดว่าการเก็บภาษีจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 เป็นต้นไปหากกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาออสเตรเลีย ตามกฎหมายนี้ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีในอัตรา 23 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อตันก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกไป โดยอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นปีละ 2.5% และเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2558 ก็จะปรับเป็นอัตราลอยตัวตามราคาตลาดซึ่งจะขึ้นอยู่กับจำนวนเพดานของก๊าซคาร์บอนที่รัฐบาลออสเตรเลียกำหนด ทริสเรทติ้งคาดว่าภาษีคาร์บอนจะมีผลกระทบต่อ CEY และบริษัทบ้านปูไม่มากนักในระยะปานกลางเนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลียประกาศแผนให้เงินชดเชยบางส่วนสำหรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีดังกล่าวแก่ผู้ประกอบการ และบริษัทยังสามารถปรับราคาขายถ่านหินสำหรับลูกค้าในประเทศได้บางรายตามสัญญาขายถ่านหินที่มีอยู่ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วย — จบ

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU)
อันดับเครดิตองค์กร:	                            คงเดิมที่ AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BP125A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555      คงเดิมที่ AA-
BP145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557  	คงเดิมที่ AA-
BP15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	คงเดิมที่ AA-
BP165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559  	คงเดิมที่ AA-
BANPU184A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	คงเดิมที่ AA-
BANPU214A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564	คงเดิมที่ AA-
BANPU234A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566	คงเดิมที่ AA-
BANPU264A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569	คงเดิมที่ AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                            Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html








เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ