บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันมูลค่า 650 ล้านบาท (SCON047A) และ 550 ล้านบาท (SCON061A) ของ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BBB+" ซึ่งสะท้อนถึงความเพียงพอของมูลค่าหลักประกันของศูนย์การค้า การมีศูนย์การค้าที่มีคุณภาพดี และกลยุทธ์การบริหารที่มีความยืดหยุ่นของบริษัท ทว่าจุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงที่สูงอันเนื่องมาจากการกระจุกตัวของธุรกิจเพราะมีศูนย์การค้าเป็นแหล่งรายได้เพียงแห่งเดียว รวมถึงภาวะธุรกิจค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูง และความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome) ต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ทริสเรทติ้งรายงานว่า หุ้นกู้ทั้งสองชุดของบริษัทซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งมีมูลค่าคงเหลือ ณ เดือนธันวาคม 2545 เท่ากับ 832 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ที่มีหลักประกันเป็นศูนย์การค้าที่มีมูลค่ายุติธรรมตามที่ประเมินราคาโดย บริษัท อเมริกัน แอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนกันยายน 2543 เท่ากับ 3,750 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอจากอัตราส่วนของเงินกู้ (รวมเงินเบิกเกินบัญชี 50 ล้านบาท) ต่อหลักประกันในระดับต่ำที่ 24% ณ เดือนธันวาคม 2545 รวมถึงจะได้รับโอนสิทธิรับเงินค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าโดยตรงในกรณีที่เกิดผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังเป็นห่วงในเรื่องสภาพคล่องของหลักประกันในกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้
บริษัทก่อตั้งในปี 2533 จากการร่วมทุนระหว่างตระกูลซอโสตถิกุล (70%) กลุ่มสถาบันการเงิน 5 แห่ง (27%) และผู้ถือหุ้นอื่น (3%) เพื่อพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีฐานผู้เช่าที่แข็งแกร่งและกระจายตัว และมีผู้เช่าหลักที่จะดึงดูดให้คนเข้าศูนย์การค้า ในปี 2545 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่า 10 รายใหญ่มีสัดส่วน 22% และจากผู้เช่ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนไม่เกิน 6% ของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การมีศูนย์การค้าซึ่งเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดรายได้เพียงแห่งเดียวอาจทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการดำเนินธุรกิจ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราการเช่าของศูนย์การค้าซีคอนสแควร์อยู่ในระดับเฉลี่ย 98% โดยดีกว่าอัตราการเช่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมรวมซึ่งอยู่ที่ระดับ 90% รายได้ค่าเช่าและค่าบริการของบริษัทเพิ่มขึ้น 10.2% ในปี 2544 และ 9.4% ในปี 2545 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มอัตราค่าเช่าและค่าบริการ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ค่าเช่าและค่าบริการและรายได้จากการขายของบริษัทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังอยู่ในระดับสูงที่ 60% อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายดีขึ้นจาก 2.7 เท่าในปี 2543 เป็น 4.8 เท่าในปี 2544 และเป็น 5.6 เท่าในปี 2545 เนื่องจากภาระหนี้ที่ลดลง นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังลดลงจาก 39.2% ในปี 2543 เหลือ 32.5% ในปี 2544 และ 27.7% ในปี 2545 อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทยังมีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนจากภายนอกอีกประมาณ 150-200 ล้านบาทในช่วงต้นปี 2549 เพื่อจ่ายชำระหนี้งวดสุดท้ายของหุ้นกู้ SCON061A เนื่องจากแหล่งเงินทุนจากภายในไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้งวดดังกล่าว
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปี 2545 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการบริโภคภาคเอกชนโตขึ้นเป็น 5.2% และ 4.7% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงในปี 2546 จากผลกระทบของการระบาดของโรคซาร์ส ซึ่งส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ที่อยู่ในภูมิภาคเอเซียลดลง การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกยังคงรุนแรง โดยเฉพาะจากกลุ่มซูเปอร์สโตร์ซึ่งมีการขยายพื้นที่ค้าปลีกเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังคาดว่าจะมีการเปิดโครงการใหม่อีกหลายโครงการในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่มีแผนจะเปิดดำเนินการในช่วง 3 ปีข้างหน้าอีก เช่น สยามพารากอน ซึ่งมีส่วนทำให้การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย -- จบ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า หุ้นกู้ทั้งสองชุดของบริษัทซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งมีมูลค่าคงเหลือ ณ เดือนธันวาคม 2545 เท่ากับ 832 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ที่มีหลักประกันเป็นศูนย์การค้าที่มีมูลค่ายุติธรรมตามที่ประเมินราคาโดย บริษัท อเมริกัน แอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนกันยายน 2543 เท่ากับ 3,750 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอจากอัตราส่วนของเงินกู้ (รวมเงินเบิกเกินบัญชี 50 ล้านบาท) ต่อหลักประกันในระดับต่ำที่ 24% ณ เดือนธันวาคม 2545 รวมถึงจะได้รับโอนสิทธิรับเงินค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าโดยตรงในกรณีที่เกิดผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังเป็นห่วงในเรื่องสภาพคล่องของหลักประกันในกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้
บริษัทก่อตั้งในปี 2533 จากการร่วมทุนระหว่างตระกูลซอโสตถิกุล (70%) กลุ่มสถาบันการเงิน 5 แห่ง (27%) และผู้ถือหุ้นอื่น (3%) เพื่อพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีฐานผู้เช่าที่แข็งแกร่งและกระจายตัว และมีผู้เช่าหลักที่จะดึงดูดให้คนเข้าศูนย์การค้า ในปี 2545 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจากผู้เช่า 10 รายใหญ่มีสัดส่วน 22% และจากผู้เช่ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนไม่เกิน 6% ของรายได้ค่าเช่าและค่าบริการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การมีศูนย์การค้าซึ่งเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดรายได้เพียงแห่งเดียวอาจทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการดำเนินธุรกิจ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราการเช่าของศูนย์การค้าซีคอนสแควร์อยู่ในระดับเฉลี่ย 98% โดยดีกว่าอัตราการเช่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมรวมซึ่งอยู่ที่ระดับ 90% รายได้ค่าเช่าและค่าบริการของบริษัทเพิ่มขึ้น 10.2% ในปี 2544 และ 9.4% ในปี 2545 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มอัตราค่าเช่าและค่าบริการ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ค่าเช่าและค่าบริการและรายได้จากการขายของบริษัทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังอยู่ในระดับสูงที่ 60% อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายดีขึ้นจาก 2.7 เท่าในปี 2543 เป็น 4.8 เท่าในปี 2544 และเป็น 5.6 เท่าในปี 2545 เนื่องจากภาระหนี้ที่ลดลง นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังลดลงจาก 39.2% ในปี 2543 เหลือ 32.5% ในปี 2544 และ 27.7% ในปี 2545 อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทยังมีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนจากภายนอกอีกประมาณ 150-200 ล้านบาทในช่วงต้นปี 2549 เพื่อจ่ายชำระหนี้งวดสุดท้ายของหุ้นกู้ SCON061A เนื่องจากแหล่งเงินทุนจากภายในไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้งวดดังกล่าว
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปี 2545 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการบริโภคภาคเอกชนโตขึ้นเป็น 5.2% และ 4.7% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงในปี 2546 จากผลกระทบของการระบาดของโรคซาร์ส ซึ่งส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ที่อยู่ในภูมิภาคเอเซียลดลง การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกยังคงรุนแรง โดยเฉพาะจากกลุ่มซูเปอร์สโตร์ซึ่งมีการขยายพื้นที่ค้าปลีกเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังคาดว่าจะมีการเปิดโครงการใหม่อีกหลายโครงการในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่มีแผนจะเปิดดำเนินการในช่วง 3 ปีข้างหน้าอีก เช่น สยามพารากอน ซึ่งมีส่วนทำให้การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย -- จบ