ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. โออิชิ กรุ๊ป” ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday September 29, 2011 08:40 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตลอดจนการมีตราสัญลักษณ์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดี และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการสนับสนุนจากบริษัทแม่คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในด้านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางรวมถึงการปรับปรุงโรงงานผลิตด้วย จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง การมีสินค้าทดแทนได้ง่าย และความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ในขณะที่สินค้าในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มของบริษัทมีการกระจายตัวครอบคลุมทั่วประเทศ แต่สินค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารยังมีการกระจายตัวในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเครือข่ายภัตตาคาร (Chained Restaurant) ด้วยกัน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทโออิชิ กรุ๊ปจะยังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่งของตราสินค้าและสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันทั้งในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเอาไว้ได้ต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีมีแผนการลงทุนในอนาคต บริษัทจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อดำรงสถานะที่เข้มแข็งทางการเงินและรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียงพอเอาไว้ตลอดเวลา

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโออิชิ กรุ๊ปก่อตั้งในปี 2542 เพื่อดำเนินธุรกิจภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นภายใต้ตราสินค้าที่บริษัทสร้างขึ้นคือ “โออิชิ” ในปี 2546 บริษัทได้ขยายสู่ธุรกิจเครื่องดื่มโดยการผลิตชาเขียวพร้อมดื่ม “โออิชิ” ต่อมาในปี 2549 ตระกูลสิริวัฒนภักดีได้ซื้อหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 40.2% ของหุ้นทั้งหมดจากผู้ก่อตั้ง ในปี 2551 บริษัทไทยเบฟเวอเรจได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทผ่านตระกูลสิริวัฒนภักดีและทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป ทั้งนี้ บริษัทไทยเบฟเวอเรจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโดยมีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 89% ของหุ้นทั้งหมดตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์โดยใช้ตราสินค้าหลักคือ “โออิชิ” (Oishi) และเน้นเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น ธุรกิจเครื่องดื่มสร้างรายได้โดยเฉลี่ย 55% ของรายได้รวมของบริษัท และรายได้ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอาหาร บริษัทเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มของไทยโดยมีชาเขียว “โออิชิ” เป็นสินค้าหลักซึ่งสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 60% ในตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังขยายประเภทสินค้าไปยังเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพคือ “Amino Plus” รวมทั้งกาแฟพร้อมดื่ม “Oishi Coffio” และเครื่องดื่มใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวคือชาเขียวผสมโซดา “Chakulza by Oishi” ชาเขียวเป็นสินค้าหลักของบริษัทที่สร้างรายได้มากกว่า 90% ของยอดขายเครื่องดื่ม บริษัทเน้นนวัตกรรมการผลิตและสร้างสินค้าใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น Chakulza ซึ่งเป็นสินค้าที่ข้ามสายผลิตภัณฑ์จากชาเขียวสู่ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์

สำหรับธุรกิจอาหารนั้น บริษัทดำเนินธุรกิจเครือข่ายภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น อาหารแช่แข็งและแช่เย็น ตลอดจนธุรกิจบริการจัดส่งอาหารและจัดเลี้ยง ร้านอาหาร “โออิชิ” ของบริษัทเป็นที่รู้จักในรูปแบบภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่ต์ภายใต้ตราสินค้า “Oishi Buffet” “Oishi Express” และ “Shabushi” ซึ่งบริการอาหารประเภทหม้อไฟและข้าวปั้นแบบญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมาก นอกจากนี้ บริษัทยังมีร้านบะหมี่แบบญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ “Oishi Ramen” และดำเนินธุรกิจภัตตาคาร “Kazokutei” ซึ่งบริการอาหารประเภทเส้นอุด้งและโซบะตามแบบฉบับต้นตำรับภายใต้สิทธิอนุญาต (Franchise) จากประเทศญี่ปุ่นด้วย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 บริษัทมีเครือข่ายภัตตาคารรวม 115 สาขาซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ เครือข่ายภัตตาคารสร้างรายได้กว่า 80% ในธุรกิจอาหารของบริษัท บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะขยายจำนวนสาขาให้ครอบคลุมตลาดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มความหลากหลายของประเภทอาหาร เช่น ของว่าง และอาหารที่รับประทานได้ทั้งวัน ฯลฯ บริษัทมีโรงงานหลัก 2 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมนวนครและอมตะนคร ด้วยกำลังการผลิตเครื่องดื่มรวม 258 ล้านลิตรต่อปีในปี 2553 โดยที่โรงงานนวนครยังเป็นครัวกลางสำหรับธุรกิจอาหารด้วย

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทโออิชิได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2553 เป็นต้นมา บริษัทไทยเบฟเวอเรจได้ตั้งคณะผู้บริหารชุดใหญ่ให้ทำหน้าที่ปรับโครงสร้างการดำเนินงานของบริษัทและวางแผนเพื่อปรับปรุงโรงงานผลิตให้รองรับความต้องการที่ขยายตัว บริษัทไทยเบฟเวอเรจยังใช้เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของตนเพื่อขยายตลาดให้แก่สินค้าของบริษัทโออิชิ กรุ๊ป โดยเฉพาะชาเขียวซึ่งเป็นผู้นำตลาดให้กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ สถานะทางธุรกิจของบริษัทโออิชิ กรุ๊ปแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากความสามารถในการออกสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงการมีอำนาจต่อรองในการจัดซื้อวัตถุดิบและการประหยัดจากขนาดในการผลิต

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจัดเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันรุนแรงจากการมีผู้แข่งขันจำนวนมากและมีสินค้าทดแทนได้ง่าย มีการนำกิจกรรมทางการตลาดและส่งเสริมการขายมาใช้กระตุ้นความต้องการอยู่เสมอ ตลาดชาพร้อมดื่มเติบโตสูงมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาซึ่งดึงดูดให้เกิดผู้แข่งขันรายใหม่ๆ เนื่องจากอุปสรรคการเข้าตลาดอยู่ในระดับต่ำ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 มีการแนะนำเครื่องดื่มชาเขียวภายใต้ตราสินค้าใหม่ 2 ตราจากคู่แข่งที่แข็งแกร่งสู่ตลาด ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันตัดราคา บริษัทโออิชิ กรุ๊ปประสบความสำเร็จในการนำเสนอสินค้าใหม่และโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการตลาดที่น่าสนใจ เช่น รางวัลท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ บริษัทจะต้องเผชิญกับความท้าทายในอนาคตเพื่อเสนอรูปแบบส่งเสริมการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดเอาไว้ต่อไป สำหรับอุตสาหกรรมเครือข่ายภัตตาคารนั้น ประเทศไทยมีผู้แข่งขันในหลากหลายตราสินค้าทั้งที่เป็นตราสินค้าภายในประเทศและต่างประเทศซึ่งล้วนเป็นที่รู้จักอย่างดี โดยผู้ประกอบการรายสำคัญล้วนมีสาขาจำนวนมาก การที่บริษัทโออิชิ กรุ๊ปมีธุรกิจเครือข่ายภัตตาคารที่มีตลาดขนาดปานกลางและมีตราสินค้าเป็นที่รู้จักทำให้คาดว่าบริษัทจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในธุรกิจดังกล่าวในอนาคต ทว่าบริษัทก็มีความท้าทายทั้งในเรื่องการหาทำเลที่ดี การพัฒนาคุณภาพสินค้า และการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

บริษัทมีรายได้เติบโตต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นจาก 3,950 ล้านบาทในปี 2549 เป็น 9,178 ล้านบาทในปี 2553 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ระดับ 23.5% อันเป็นผลจากการเติบโตของอุปสงค์ในตลาดเครื่องดื่ม รวมทั้งจากการขยายสาขาภัตตาคารอาหาร และกิจการส่งเสริมการขายและการตลาดที่มีรางวัลนำเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปี รายได้รวมสำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 อยู่ที่ 4,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจเครื่องดื่มสร้างรายได้ 59% ของรายได้รวม ในขณะที่ธุรกิจอาหารสร้างรายได้ 41% การเพิ่มขึ้นของยอดขายส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแนะนำเครื่องดื่ม Chakulza สู่ตลาด ในด้านการทำกำไรนั้น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้จากการขายของบริษัทระหว่างปี 2551 ถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2554 คงอยู่ในระดับ 15% แม้ว่าราคาวัตถุดิบหลักจะเพิ่มขึ้น แต่การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้จัดหาวัตถุดิบและการทำสัญญาระยะปานกลางถึงระยะยาวของบริษัทก็ช่วยลดความแปรปรวนของต้นทุนสินค้าได้ในระดับหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและข้อจำกัดในการขึ้นราคาสินค้าจากผลของการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นแล้วคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะได้รับแรงกดดันในอนาคต อย่างไรก็ตาม คาดว่าระบบการผลิตแบบ Cold Aseptic Filling ซึ่งเป็นระบบการผลิตแบบใหม่สำหรับเครื่องดื่มจะช่วยรักษาระดับความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในด้านต้นทุนได้

ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลมาจากการมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่เพียงพอ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 467 ล้านบาทในปี 2549 มาอยู่ที่ 1,454 ล้านบาทในปี 2553 และอยู่ที่ 733 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมีระดับหนี้สินที่ถือว่าต่ำ โดยมีหนี้สินรวม 850 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทสูงผิดปกติที่ 242% ในปี 2553 และ 86% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับต่ำระหว่าง 18%-23% ในช่วงปี 2553 จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2554 จากแผนการขยายโรงงานผลิตจึงทำให้คาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าประมาณปีละ 1,200-1,600 ล้านบาท และคาดว่าระดับหนี้สินจะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (OISHI)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html








เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ