ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท “บ. เอ็ม บี เค” ที่ระดับ “A/Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday October 13, 2011 09:04 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 2 ชุดใหม่มูลค่า 300 ล้านบาทและ 400 ล้านบาท (MBK188A และ MBK188B) ของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ”คงที่” เช่นกัน บริษัทได้นำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน อันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้น และมีกระแส

เงินสดที่แน่นอนจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มธนชาต รวมถึงความสามารถในการรักษาอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และความยืดหยุ่นด้านการเงินที่ดีจากการลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากต้นทุนการดำเนินงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากสัญญาเช่าที่ดินและทรัพย์สินของศูนย์การค้าฉบับใหม่ที่จะเริ่มในปี 2556 และการขยายสู่ธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงได้รับกระแสเงินสดที่แน่นอนจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก และคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับคุณภาพสินเชื่อรถจักรยานยนต์เอาไว้ในระดับที่ดีจากการมีขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อและกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่เข้มงวด ทั้งนี้ จากแผนรายจ่ายฝ่ายทุนที่อยู่ในระดับปานกลางในปี 2554-2555 ทำให้คาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนในระดับปัจจุบันเอาไว้ได้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเอ็ม บี เค ก่อตั้งในปี 2517 โดยปัจจุบัน บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทในสัดส่วนรวม 20% บริษัทดำเนินธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า โรงแรม สนามกอล์ฟ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โรงสีข้าว และธุรกิจการเงิน โดยเป็นเจ้าของและบริหารจัดการศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แม้จะมีธุรกิจที่หลากหลาย แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงขึ้นอยู่กับสินทรัพย์หลักอันได้แก่ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และ “โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส” เป็นอย่างมาก ซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินเช่าติดกับย่านสยามสแควร์ในกรุงเทพฯ โดยในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ประมาณ 40% และกระแสเงินสดประมาณ 65% ให้แก่บริษัท

เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้ ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเอ็ม บี เค ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนการลงทุน 31% ใน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและบริหารศูนย์การค้าในย่านสยามสแควร์ โดยบริษัทสยามพิวรรธน์เป็นผู้ถือหุ้น 100% ในศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ (18,700 ตารางเมตร, ตร.ม.) และศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ (24,890 ตร.ม.) และถือหุ้น 50% ในศูนย์การค้าสยามพารากอน (186,010 ตร.ม.) นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทและบริษัทสยามพิวรรธน์ในสัดส่วน 50% ยังได้ทำการปรับปรุงตกแต่งพื้นที่ให้เช่าของ “ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค” (เดิมชื่อ “ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์”) พื้นที่ 90,000 ตร.ม. จนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2553 ในเดือนสิงหาคม 2554 บริษัทได้เปิด “เดอะ ไนน์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) แห่งแรกของบริษัทซึ่งตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 โดยมีพื้นที่ค้าปลีก 10,267 ตร.ม. และมีพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวม 9,052 ตร.ม. ณ เดือนสิงหาคม 2554 บริษัทบริหารพื้นที่ค้าปลีกรวม 203,053 ตร.ม. และพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่ารวม 57,973 ตร.ม.

นอกจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่แล้ว ในเดือนเมษายน 2553 บริษัทยังซื้อกิจการของ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ด้วย โดย ณ เดือนมิถุนายน 2554 บริษัทที ลีสซิ่ง มียอดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์คงค้าง 901 ล้านบาท จัดว่าเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีจากการมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ระดับ 3.38% อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อไปพร้อม ๆ กับการขยายขนาดสินเชื่อนับเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับบริษัทเอ็ม บี เค

แม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเหตุการณ์ความไม่สงบของการเมืองภายในประเทศเป็นระยะๆ แต่บริษัทก็ยังมีผลประกอบการในระดับที่ดี ในปีบัญชี 2553/2554 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 7,564 ล้านบาทภายหลังการเปิดศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค การเริ่มให้บริการธุรกิจการเงิน และการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงจาก 32.59% ในปีบัญชี 2552/2553 เป็น 30.04% ในปีบัญชี 2553/2554 เงินทุนจากการดำเนินงานคงอยู่ที่ระดับ 1,700-1,800 ล้านบาทในช่วง 3 ปีบัญชี 2550-2552 แต่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 3,489 ล้านบาทในปีบัญชี 2552/2553 ซึ่งเป็นผลมาจากการให้เช่าพื้นที่ระยะยาวในศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ในช่วงปลายปี 2552 ซึ่งทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเงินทุนจากกการดำเนินงานลดลงสู่ระดับ 2,085 ล้านบาทในปีบัญชี 2553/2554 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวลดลงจาก 45.88% ในปีบัญชี 2552/2553 เป็น 22.65% ในปีบัญชี 2553/2554 เงินกู้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 7,604 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 เป็น 9,207 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก ระดับ 38.64% ณ เดือนมิถุนายน 2553 เป็น 42.16% ณ เดือนมิถุนายน 2554 อย่างไรก็ตามคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด สภาพคล่องของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2554 บริษัทมีเงินสดจำนวน 2,570 ล้านบาท ในขณะที่เงินลงทุนชั่วคราวของบริษัทมีมูลค่า 4,496 ล้านบาท ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                            คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MBK137A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	คงเดิมที่ A
MBK163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	คงเดิมที่ A
MBK188A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 256	       A
MBK188B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                            Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html




เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ