บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้มูลค่ารวม 42,000 ล้านบาทของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS063A, AIS04NA, AIS06NA, AIS073A, AIS093A, AIS093B และ AIS07OA) เป็นระดับ "AA" จากระดับ "AA-" โดยมีพื้นฐานมาจากฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจโทรศัพท์มือถือของประเทศที่มีฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ตลอดจนการมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด รวมทั้งความสามารถของผู้บริหารและตราสัญลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับของบริษัท และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย ทว่าความแข็งแกร่งถูกจำกัดบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะการมีคู่แข่งรายใหม่ รวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยบริษัทต้องระมัดระวังในการจ่ายเงินปันผลหากต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้มูลค่า 3,000 ล้านบาท (SHIN075A) ของ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ "AA-" จาก "A+" ซึ่งสะท้อนสถานะความน่าเชื่อถือโดยรวมของบริษัทในกลุ่มที่บริษัทเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 บริษัทสำคัญ คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือแอดวานซ์ และ บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือแซทเทล อันดับเครดิตยังสะท้อนความสามารถและประสบการณ์ของทีมผู้บริหาร รวมทั้งความคล่องตัวและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทด้วย อย่างไรก็ดี แม้เงินปันผลที่บริษัทได้รับจากแอดวานซ์ในปี 2546 จะเพิ่มขึ้น แต่เงินปันผลในอนาคตจะขึ้นอยู่กับงบประมาณลงทุนในอนาคตของแอดวานซ์
ทริสเรทติ้งรายงานว่า แอดวานซ์เป็นผู้นำในการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 60% บริษัทได้รับประโยชน์จากชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับ เครือข่ายที่มีคุณภาพสูง และมาตรการทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ณ สิ้นปี 2545 บริษัทมียอดผู้ใช้บริการ 10.6 ล้านเลขหมาย ซึ่งเพิ่มขึ้น 116% จากปี 2544 ในขณะที่ยอดผู้ใช้บริการโดยรวมของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น110% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 บริษัทมียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 12.7 ล้านคน คิดเป็นการเติบโต 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับอัตราการเพิ่มของทั้งอุตสาหกรรมที่ 38% และด้วยฐานะการตลาดและการเงินที่แข็งแกร่ง การมีสภาพคล่องสูงในการหาแหล่งเงินทุน และความมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ จึงคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจต่อไปได้
ในส่วนของ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทประกอบธุรกิจด้านการลงทุน (Holding) โดยมีเงินลงทุนระยะยาว ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2546 จำนวน 24 พันล้านบาท ซึ่งบางส่วนได้นำไปลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดย ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2546 มีมูลค่าตลาดรวม 97 พันล้านบาท บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจสื่อและโฆษณา และ E-business เพื่อกระจายเงินลงทุนและเสริมมูลค่าธุรกิจโดยรวมของกลุ่ม โดยมีแอดวานซ์เป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 60% และมีผู้ใช้บริการกว่า 13 ล้านราย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด ในขณะที่แซทเทลดำเนินธุรกิจหลักด้านการให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมด้วยอัตราการใช้ช่องสัญญาณประมาณ 86% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2546 โครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ที่จะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2547 จะทำให้แซทเทลมีผลกำไรส่งให้แก่บริษัทมากขึ้นหลังจากเปิดให้บริการแล้ว
ทริสเรทติ้งกล่าวว่าความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีความผันผวนค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็มีความเชื่อมั่นในฐานะของบริษัทมาโดยตลอดจากการที่บริษัทสามารถระดมเงินทุนได้แม้ในช่วงที่ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ซึ่งมีส่วนช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงิน แม้การที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบันจะเป็นไปเพื่อการมีส่วนร่วมทางธุรกิจ แต่มูลค่าตลาดที่สูงของบริษัทหลักที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนถือเป็นแหล่งสภาพคล่องทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้มูลค่า 3,000 ล้านบาท (SHIN075A) ของ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ "AA-" จาก "A+" ซึ่งสะท้อนสถานะความน่าเชื่อถือโดยรวมของบริษัทในกลุ่มที่บริษัทเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 บริษัทสำคัญ คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือแอดวานซ์ และ บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือแซทเทล อันดับเครดิตยังสะท้อนความสามารถและประสบการณ์ของทีมผู้บริหาร รวมทั้งความคล่องตัวและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทด้วย อย่างไรก็ดี แม้เงินปันผลที่บริษัทได้รับจากแอดวานซ์ในปี 2546 จะเพิ่มขึ้น แต่เงินปันผลในอนาคตจะขึ้นอยู่กับงบประมาณลงทุนในอนาคตของแอดวานซ์
ทริสเรทติ้งรายงานว่า แอดวานซ์เป็นผู้นำในการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 60% บริษัทได้รับประโยชน์จากชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับ เครือข่ายที่มีคุณภาพสูง และมาตรการทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ณ สิ้นปี 2545 บริษัทมียอดผู้ใช้บริการ 10.6 ล้านเลขหมาย ซึ่งเพิ่มขึ้น 116% จากปี 2544 ในขณะที่ยอดผู้ใช้บริการโดยรวมของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น110% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 บริษัทมียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 12.7 ล้านคน คิดเป็นการเติบโต 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับอัตราการเพิ่มของทั้งอุตสาหกรรมที่ 38% และด้วยฐานะการตลาดและการเงินที่แข็งแกร่ง การมีสภาพคล่องสูงในการหาแหล่งเงินทุน และความมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ จึงคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจต่อไปได้
ในส่วนของ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทประกอบธุรกิจด้านการลงทุน (Holding) โดยมีเงินลงทุนระยะยาว ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2546 จำนวน 24 พันล้านบาท ซึ่งบางส่วนได้นำไปลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดย ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2546 มีมูลค่าตลาดรวม 97 พันล้านบาท บริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจสื่อและโฆษณา และ E-business เพื่อกระจายเงินลงทุนและเสริมมูลค่าธุรกิจโดยรวมของกลุ่ม โดยมีแอดวานซ์เป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 60% และมีผู้ใช้บริการกว่า 13 ล้านราย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2546 อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด ในขณะที่แซทเทลดำเนินธุรกิจหลักด้านการให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมด้วยอัตราการใช้ช่องสัญญาณประมาณ 86% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2546 โครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ที่จะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2547 จะทำให้แซทเทลมีผลกำไรส่งให้แก่บริษัทมากขึ้นหลังจากเปิดให้บริการแล้ว
ทริสเรทติ้งกล่าวว่าความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีความผันผวนค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็มีความเชื่อมั่นในฐานะของบริษัทมาโดยตลอดจากการที่บริษัทสามารถระดมเงินทุนได้แม้ในช่วงที่ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ซึ่งมีส่วนช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงิน แม้การที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบันจะเป็นไปเพื่อการมีส่วนร่วมทางธุรกิจ แต่มูลค่าตลาดที่สูงของบริษัทหลักที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนถือเป็นแหล่งสภาพคล่องทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ