บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารดาวเทียมเพียงรายเดียวในประเทศไทย ตลอดจนการใช้บริการธุรกิจดาวเทียมบรอดแบนด์ในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และประโยชน์ที่ได้รับจากการสนับสนุนของบริษัทในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการดำเนินงานในธุรกิจสื่อสารในภูมิภาคอินโดจีนที่อ่อนตัวลง ตลอดจนแนวโน้มของธุรกิจดาวเทียมบรอดแบนด์ในตลาดสำคัญในต่างประเทศที่ยังไม่แน่นอน และความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจดาวเทียมและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ ทั้งนี้ ผลประกอบการในธุรกิจสื่อสารที่หดตัวลงส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ รวมทั้งยังคงรักษาความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังคาดหมายว่าบริษัทจะแก้ปัญหาทิศทางธุรกิจในธุรกิจสื่อสารได้ และไม่ทำให้กำไรโดยรวมของบริษัทลดลง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากดาวเทียมไอพีสตาร์ใช้เวลาในการสร้างตลาดนานกว่าที่คาดเอาไว้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยคมซึ่งเดิมชื่อ บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการการสื่อสารด้วยดาวเทียมแบบวงโคจรค้างฟ้าจำนวน 2 ดวง โดยเป็นดาวเทียมแบบทั่วไป 1 ดวง (ไทยคม 5) และดาวเทียมบรอดแบนด์ 1 ดวง (ไทยคม 4 หรือรู้จักในชื่อไอพีสตาร์) บริษัทยังจำหน่ายจานดาวเทียมและให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต รวมทั้งลงทุนผ่าน Shenington Investments Pte Ltd. ใน Mfone Co., Ltd. (Mfone) และ Lao Telecommunications Co., Ltd. (LTC) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านสื่อสารในประเทศกัมพูชาและลาว ตามลำดับด้วย ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมีรายได้จำนวน 3,432 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากดาวเทียมแบบทั่วไปในสัดส่วนประมาณ 34% ของรายได้รวม ในขณะที่ดาวเทียมไอพีสตาร์มีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 42% รายได้ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจสื่อสารและอินเทอร์เน็ต ฐานลูกค้าในส่วนของบริการดาวเทียมทั่วไปของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนฐานลูกค้าบริการดาวเทียมไอพีสตาร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สถานะธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทไทยคมเป็นผลมาจากสถานะความเป็นผู้นำในการเป็นผู้ให้บริการสื่อสารดาวเทียมในประเทศ ส่วนความสามารถในการแข่งขันนั้นบริษัทได้รับแรงหนุนจากลักษณะของธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าได้ยากและต้องใช้เงินลงทุนสูง สถานะทางธุรกิจของธุรกิจดาวเทียมแบบทั่วไปได้รับแรงหนุนจากจำนวนช่องออกอากาศที่เพิ่มขึ้นซึ่งเติบโตเรื่อยมาจาก 283 ช่องในปี 2552 เป็น 380 ช่องในเดือนมิถุนายน 2554 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งทางธุรกิจในตลาดภายในประเทศและประเทศใกล้เคียงเอาไว้ได้ ธุรกิจดาวเทียมสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอพอสมควรเนื่องจากเป็นการดำเนินกิจการภายใต้สัญญาระยะปานกลางถึงระยะยาว ทั้งนี้ สถานะอันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงการสนับสนุนด้านกลยุทธ์จากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท คือ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ที่กำลังขยายตัว รวมถึงโอกาสในการประกอบธุรกิจที่ดีของดาวเทียมไทยคม 6 ซึ่งเป็นดาวเทียมแบบทั่วไปดวงใหม่บริษัทได้อนุมัติการลงทุนในโครงการดาวเทียมไทยคม 6 เมื่อกลางปี 2554 ซึ่งคาดว่าดาวเทียมไทยคม 6 จะถูกปล่อยสู่อวกาศในกลางปี 2556 ที่ตำแหน่งวงโคจร 78.5 องศาตะวันออก ดาวเทียมดวงนี้จะเพิ่มความจุของช่องรับส่งสัญญาณและเพิ่มขอบเขตพื้นที่ทางการตลาดให้แก่บริษัท
อัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ในช่วงปี 2549-2552 มาจากการให้บริการในประเทศออสเตรเลียและประเทศไทยเป็นหลัก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปลี่ยนนโยบายการขายและการทำการตลาดของไอพีสตาร์โดยหันมาเน้นการขายช่องสัญญาณบรอดแบนด์จำนวนมากให้แก่บริษัทสื่อสารต่าง ๆ แทนการขายให้แก่ลูกค้ารายย่อยหลายราย การใช้ช่องสัญญาณบรอดแบนด์ไอพีสตาร์ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2552 ซึ่งเป็นผลมาจากการเริ่มให้บริการไอพีสตาร์อย่างเป็นทางการในตลาดญี่ปุ่นและอินเดีย ลูกค้าในตลาดทั้ง 2 แห่งนี้กลายเป็นผู้สร้างรายได้หลัก ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินการของไอพีสตาร์จะปรับตัวดียิ่งขึ้นเนื่องจาก NBN Co., Ltd. (NBN Co) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการดาวเทียมสำหรับโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติของประเทศออสเตรเลียได้เซ็นสัญญาซื้อช่องสัญญาณบรอดแบนด์ของไอพีสตาร์โดยมีผลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2554 บริษัทลูกของ Malaysia East Asia Satellite (MEASAT) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจดาวเทียมของมาเลเซียได้ลงนามในสัญญาซื้อช่องสัญญาณบรอดแบนด์ของไอพีสตาร์จำนวนมากเพื่อเพิ่มความจุของช่องสัญญาณบรอดแบนด์ในประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม อนาคตของดาวเทียมไอพีสตาร์ยังมีข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนของรายได้และระยะเวลาในการรับรู้รายได้จากตลาดในประเทศจีนอยู่ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทได้จัดสรรความจุของช่องสัญญาณไอพีสตาร์สำหรับประเทศจีนเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงเผชิญกับความท้าทายอย่างมากที่จะพิสูจน์ความสามารถในการเปิดให้บริการในตลาดจีน โดยความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถของพันธมิตรธุรกิจที่จะสร้างประสิทธิภาพทั้งในการผลิตและกระจายสินค้า พร้อมทั้งนำเสนอสู่ตลาดท้องถิ่น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 ซึ่งกระทบต่อพื้นที่หลายแห่งในประเทศไทยนั้นก็ได้ท่วมรอบพื้นที่ศูนย์กลางการให้บริการของบริษัทไทยคมในเขตอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานีด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทได้สร้างคันดินความสูง 2 เมตรป้องกันเสาสัญญาณในอาคารสำนักงานและรอบห้องกำเนิดไฟฟ้า พร้อมทั้งวางถุงทรายเพิ่มด้วยความสูงอีก 1 เมตรเพื่อป้องกันน้ำท่วม รวมทั้งได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเอาไว้แล้ว ภายใต้แผนเพื่อให้ธุรกิจดำเนินอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังได้เตรียมสถานที่สำรองเพื่อใช้เป็นสถานีควบคุมการทำงานของดาวเทียมภาคพื้นดินและให้บริการกระจายเสียงและแพร่ภาพในกรณีที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมขั้นร้ายแรงที่สุดเอาไว้ด้วย ด้วยมาตรการดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทยังคงสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มที่โดยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมไม่มากนัก
สำหรับธุรกิจสื่อสารนั้น ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทไทยคมเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดภูมิภาคอินโดจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยคู่แข่งใช้วิธีการตัดราคาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้รับบริการ แม้ว่าผู้รับบริการของ LTC จะลดลงในครึ่งแรกของปี 2554 แต่ LTC ยังคงครองตลาดสื่อสารในประเทศลาวด้วยส่วนแบ่งตลาด 48.5% จากจำนวนผู้รับบริการทั้งหมด ในทางตรงกันข้าม Mfone สูญเสียจำนวนผู้รับบริการและความสามารถในการแข่งขันลงไป โดยรายได้ของ Mfone ทรุดตัวลง และมีผลขาดทุน ทั้งนี้ ผลประกอบการและอัตราการทำกำไรในธุรกิจสื่อสารที่แย่ลงส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะต้องหาแนวทางแก้ปัญหาทิศทางธุรกิจของ Mfone และ LTC ให้ได้เพื่อที่จะรักษาสมดุลการเติบโตของบริษัทเอาไว้
ฐานะการเงินของบริษัทสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ตลอดจนภาระหนี้ในระดับปานกลาง และสภาพคล่องในระดับที่รับได้ อัตราส่วนกำไรของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 34%-37% ในช่วงปี 2549-2552 และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงมาอยู่ที่ 29.5% ในปี 2553 จากสาเหตุหลักคือการดำเนินงานในธุรกิจโทรศัพท์ที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานสำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 35.8% ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจการให้บริการดาวเทียมแบบทั่วไปที่เติบโตดีและธุรกิจดาวเทียมบรอดแบนด์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าอัตรากำไรจะสูงขึ้นเมื่อมีการขายช่องสัญญาณไอพีสตาร์เพิ่มขึ้น เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ 1,500-2,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และอยู่ที่ 954 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ระหว่าง 18%-20% ในปี 2552-2553 และอยู่ที่ระดับ 10.6% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ณ ปลายเดือนมิถุนายน 2554 ระดับภาระหนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยวัดจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เพิ่มขึ้นจาก 36.6% ในปี 2553 มาอยู่ที่ 38.5% ณ ปลายเดือนมิถุนายน 2554 เมื่อพิจารณาถึงการลงทุนในดาวเทียมไทยคม 6 แล้วคาดว่าระดับภาระหนี้สินของบริษัทจะไม่ลดลงในช่วงระยะปานกลาง โดยโครงการนี้มีต้นทุนการลงทุนโดยรวมประมาณ 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: THCOM12NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ BBB+ THCOM14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ rapee@tris.co.th โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html