ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท “บ. น้ำตาลขอนแก่น” ที่ระดับ “A-”

ข่าวทั่วไป Wednesday December 14, 2011 13:01 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” เช่นกัน โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่นี้ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทกำหนดไถ่ถอนภายในปี 2557 ของบริษัทที่ทริสเรทติ้งประกาศผลไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 เนื่องจากบริษัทตัดสินใจเพิ่มจำนวนวงเงินหุ้นกู้อีก 500 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแต่อย่างใด โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เงินกู้และใช้เป็นทุนในการขยายการดำเนินงานตามแผน อันดับเครดิตที่ระดับ “A-” สะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทน้ำตาลขอนแก่นในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทย ตลอดจนการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาล และความมีประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาล ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงแผนการขยายงานของบริษัท ตลอดจนความเสี่ยงทั้งในด้านกฎระเบียบและจากการดำเนินธุรกิจอ้อยและน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชา รวมทั้งความผันผวนของปริมาณผลผลิตอ้อยและราคาน้ำตาลในตลาดโลกด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของ

ทริสเรทติ้งว่ากลุ่มน้ำตาลขอนแก่นจะยังคงดำรงสถานะการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทยเอาไว้ได้ ส่วนผลการดำเนินงานของโรงงานน้ำตาลในประเทศลาวและกัมพูชานั้นคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีการเงิน 2555 ในขณะที่โรงงานแห่งใหม่ที่อำเภอบ่อพลอยจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการจัดหาอ้อยให้แก่บริษัท ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความเข้มแข็งของฐานะการเงินเอาไว้เพื่อรองรับความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจน้ำตาลในต่างประเทศ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทน้ำตาลขอนแก่นเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2488 โดยตระกูลชินธรรมมิตร์และคณะ ปัจจุบันตระกูลชินธรรมมิตร์ถือหุ้นในบริษัทรวม 68% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 4 แห่งในจังหวัดขอนแก่น กาญจนบุรี และชลบุรี โดยมีกำลังการหีบอ้อยรวม 64,000 ตันอ้อยต่อวัน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นสามารถจัดหาอ้อยได้ปีละประมาณ 4-5 ล้านตันอ้อย และมีผลผลิตน้ำตาลทรายเฉลี่ย 500,000 ตันต่อปี ในปีการผลิต 2553/2554 กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นสามารถผลิตน้ำตาลได้ 622,330 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 6.44% ของปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศ ซึ่งจัดอยู่ในลำดับ 5 รองจากกลุ่มมิตรผลซึ่งมีสัดส่วน 19.34% กลุ่มไทยรุ่งเรือง 16.67% กลุ่มไทยเอกลักษณ์ 11.27% และกลุ่มวังขนาย 7.82% โรงงานของบริษัทมีประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลอยู่ที่ 91.01 กิโลกรัม (กก.) ต่อตันอ้อยเมื่อวัดจากอ้อยในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับปีการผลิต 2553/2554 ซึ่งดีกว่าอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ยที่ 89.58 กก.

ตั้งแต่ปี 2549 บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อยอันประกอบด้วยธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าและธุรกิจผลิตเอทานอล โดยในระหว่างปีการผลิต 2550-2552 รายได้จากธุรกิจพลังงาน (เอทานอลและไฟฟ้า) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขายรวมของบริษัท ในขณะที่กำไรสุทธิจากธุรกิจพลังงานคิดเป็นสัดส่วนถึง 29% ของกำไรสุทธิรวม ส่วนในปีการผลิต 2553 รายได้จากธุรกิจพลังงานคิดเป็น 8.85% ของยอดขาย และมีกำไรสุทธิคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 170.57% ของกำไรสุทธิรวมเนื่องจากมีผลขาดทุนจากการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ในธุรกิจน้ำตาล

โรงงานน้ำตาลของกลุ่มน้ำตาลขอนแก่นในประเทศลาวและกัมพูชาเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปีการผลิต 2552/2553 และมีอ้อยป้อนโรงงานทั้ง 2 แห่งจำนวน 300,299 ตันอ้อยในปีการผลิต 2553/2554 ผลผลิตอ้อยในประเทศลาวและกัมพูชาต่ำกว่าประมาณการเนื่องจากการขาดแคลนแรงงานฝีมือและความยากลำบากในการบริหารจัดการไร่อ้อยในประเทศดังกล่าว บริษัทส่งออกน้ำตาลทรายดิบที่ผลิตจากโรงงานในประเทศลาวและกัมพูชาไปยังกลุ่มประเทศยุโรปและคาดว่าโรงงานทั้ง 2 แห่งนี้จะสามารถผลิตน้ำตาลในระดับที่ถึงจุดคุ้มทุนได้ในปีการผลิต 2554/2555

เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดหาอ้อย บริษัทมีการลงทุนจำนวน 7,250 ล้านบาทเพื่อย้ายโรงงานน้ำตาลที่มีอยู่เดิมและขยายกำลังการผลิตไปยังศูนย์การผลิตแห่งใหม่ในอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โดยศูนย์การผลิตดังกล่าวประกอบด้วยโรงงานน้ำตาล โรงงานผลิตเอทานอล และโรงไฟฟ้าอย่างละ 1 โรง ปัจจุบันโครงการส่วนแรกเริ่มดำเนินการผลิตแล้วในปีการผลิต 2553/2554 และคาดว่าโครงการส่วนที่ 2 จะเริ่มดำเนินงานได้ในปีการผลิต 2554/2555 บริษัทยังเตรียมโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำตาลไปยังจังหวัดเลยโดยใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 3,800 ล้านบาทด้วย โดยโครงการนี้ประกอบด้วยโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าอย่างละ 1 โรง ทั้งนี้ คาดว่าโรงงานแห่งใหม่ดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปีการผลิต 2556/2557

ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2554 (พฤศจิกายน 2553-กรกฏาคม 2554) บริษัทมียอดขายรวม 12,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2554 ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 494% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,484 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากผลขาดทุนที่ลดลงอย่างมากจากการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ รวมถึงราคาขายน้ำตาลทรายและปริมาณขายน้ำตาลทรายที่เพิ่มขึ้น บริษัทมียอดเงินกู้ ณ เดือนกรกฎาคม 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 13,074 ล้านบาท แต่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังค่อนข้างทรงตัวที่ระดับ 54.07% เมื่อเทียบกับระดับ 53.81% ณ เดือนตุลาคม 2553

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยและราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ในปีการผลิต 2553/2554 ปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยมีมากถึง 95.38 ล้านตันอ้อย ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการมีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกอ้อย ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกในเดือนมกราคม 2554 อยู่ในระดับสูงที่ 36.11 เซนต์/ปอนด์เนื่องจากผลผลิตอ้อยที่ลดลงในประเทศออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดราคาได้ปรับตัวลดลงและเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 23-25 เซนต์/ปอนด์เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตอ้อยจากไทย อินเดีย รัสเซียและยุโรปจะเพิ่มขึ้น องค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Organization) ประมาณการว่าดุลน้ำตาลในปี 2554/2555 จะมีน้ำตาลส่วนเกิน 4.46 ล้านตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีน้ำตาลส่วนเกิน 1.9 ล้านตัน แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอของกลุ่มประชาคมยุโรปเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันราคาน้ำตาลให้อ่อนตัวลง สำหรับประเทศไทยนั้น อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อพื้นที่ปลูกอ้อยเพียง 1% ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณอ้อยในฤดูการผลิต 2554/2555 จะยังสูงถึง 99.5 ล้านตัน — จบ

บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                        คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KSL12NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555                         	คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557	          A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                        Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ