บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในฐานะผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ระดับโลก รวมถึงการมีสินค้าและฐานลูกค้าที่หลากหลาย ตลอดจนการมีตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักในธุรกิจอาหารทะเลกระป๋องในทวีปยุโรปและตราสินค้าปลาทูน่ากระป๋องในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทย ตลอดจนภาวะอิ่มตัวของอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป และความแปรปรวนของราคาปลาทูน่าด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาดและความมีประสิทธิภาพในการผลิต โดยที่ฐานตลาดส่งออกที่กระจายตัวและสินค้าที่หลากหลายจะช่วยให้รายได้ของบริษัทมีเสถียรภาพ ต้นทุนที่ลดลงจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการบริหารการจัดซื้อวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังการรวมกิจการกับ MW Brands Holding Group (MWB) จะช่วยดำรงความสามารถในการทำกำไรแม้บริษัทจะเผชิญกับปัญหาต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงที่สูงขึ้นก็ตาม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ ก่อตั้งในปี 2531 โดยตระกูลจันศิริ บริษัทเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทยโดยมียอดขายในปี 2553 อยู่ที่ 71,507 ล้านบาทและมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องจำนวน 220,000 ตัน ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของบริษัทมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการรวมงานด้านบรรจุภัณฑ์เข้ากับเครือข่ายกระจายสินค้า ในเดือนตุลาคม 2553 บริษัทได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของ MWB ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องแบบครบวงจรตั้งแต่การมีกองเรือจับปลาไปจนถึงโรงงานผลิต และช่องทางจัดจำหน่ายในตลาดยุโรป MWB มีโรงงานหลักตั้งอยู่ในประเทศซีเชลส์และกาน่า และมีตลาดหลักอยู่ในประเทศฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ การซื้อหุ้น MWB ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของตราสินค้าที่มียอดจำหน่ายอันดับต้น ๆ ในยุโรป ได้แก่ Petit Navire, John West, Mareblu และ Hyacinthe Parmentier นอกเหนือจาก “Chicken of the Sea” ซึ่งเป็นตราสินค้าปลาทูน่ากระป๋องที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การซื้อกิจการ MWB ทั้งหมดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ช่วยเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจปลาทูน่าให้แก่บริษัทมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีปริมาณการผลิตปลาทูน่าเพิ่มขึ้นเป็น 230,000 ตันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 หรือประมาณ 300,000 ตันต่อปี ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของปริมาณการผลิตปลาทูน่าทั่วโลก ตลาดส่งออกของบริษัทก็มีการกระจายตัวและมีสมดุลมากขึ้น โดยยอดขายในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 36% ในขณะที่ยอดขายในสหภาพยุโรปมีสัดส่วนคิดเป็น 32% (เทียบกับ 16% ในปี 2553) และประเทศญี่ปุ่นเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 คิดเป็นสัดส่วน 9% สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่จำหน่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 นั้น ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าคิดเป็น 49% ของยอดขายรวม ตามด้วยกุ้งแช่แข็ง 19% อาหารสัตว์กระป๋อง 6% และอาหารทะเลกระป๋อง 5%
หลังจากรวมยอดขายของ MWB แล้ว ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมียอดขาย 2,395 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 51.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายจาก MWB เท่ากับ 554 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 23% ของยอดขายรวม ส่วนยอดขายจากธุรกิจเดิมมีมูลค่า 1,841 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยอดขายของ MWB เพิ่มขึ้น 9.9% อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 9.5% สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2554 จาก 6.5% ในปี 2553 การรวมงบการเงินของ MWB ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงช่วยเสริมให้อัตรากำไรโดยรวมของบริษัทดีขึ้น นอกจากนี้ อัตรากำไรที่สูงขึ้นยังเป็นผลมาจากการทยอยปรับราคาขายปลาทูน่าเพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่การลดเวลาในการรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์กุ้งและต้นทุนวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์กุ้งที่ลดลงยังช่วยให้ธุรกิจกุ้งแช่แข็งทำกำไรได้ดีขึ้นด้วย ความสามารถในการทำกำไรและยอดขายที่เพิ่มขึ้นทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 7,406 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ เดือนกันยายน 2554 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 61.3% จาก 61.7% ณ สิ้นปี 2553 เนื่องจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นจากราคาปลาทูน่าที่สูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันจะปรับตัวดีขึ้นโดยลำดับและอยู่ต่ำกว่าระดับนโยบายที่ 50% อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ที่ระดับ 4.4 เท่าถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับตามแผนการชำระคืนหนี้ ล่าสุดบริษัทได้ประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้นอย่างน้อย 40% ของหุ้นทั้งหมดของ บริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน) (PPC) ซึ่งดำเนินธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง โดยราคาเสนอซื้อเท่ากับมูลค่าทางบัญชีของ PPC ณ เดือนธันวาคม 2554 ทั้งนี้ การลงทุนใน PPC ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทมากนักเนื่องจากสินทรัพย์ของ PPC ณ เดือนกันยายน 2554 มีมูลค่าเทียบเท่าเพียง 5% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท ทั้งนี้ คาดว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉพาะในทวีปยุโรปและต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นจากการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยจะเป็นประเด็นท้าทายสำหรับบริษัทต่อไป ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: TUF13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A+ TUF147A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ A+ TUF167A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,950 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A+ TUF217A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 คงเดิมที่ A+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ rapee@tris.co.th โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html