บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนการมีกระบวนการผลิตโพลีไวนิล คลอไรด์ หรือพีวีซี (Polyvinyl Chloride) ที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง คณะผู้บริหารที่มีความสามารถ และการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ Solvay S.A. แห่งประเทศเบลเยี่ยม และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะความเป็นวงจรที่ขึ้นลงของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ตลอดจนราคาวัตถุดิบและสินค้าที่มีความผันผวน และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงความสามารถในการรักษาโครงสร้างต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปได้และไม่มีปัจจัยที่จะเกิดผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมพีวีซี โดยทริสเรทติ้งคาดว่าผู้บริหารของบริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและดำรงสภาพคล่องให้เพียงพอต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการลงทุน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทวีนิไทยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายพีวีซีรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ โดยมีกำลังการผลิต 280,000 เมตริกตันต่อปี หรือคิดเป็น 29% ของกำลังการผลิตรวมภายในประเทศ บริษัทได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจากผู้ถือหุ้นหลักอย่างเต็มที่ โดย Solvay ให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีและการจำหน่ายสินค้าในตลาดต่างประเทศ ในขณะที่ PTTGC เป็นผู้จัดหาเอธิลีนซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักสำหรับการผลิตพีวีซี บริษัทมีโรงงานผลิตพีวีซีที่มีกระบวนการผลิตครบวงจรซึ่งทำให้บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่สูงกว่าคู่แข่ง ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตพีวีซีที่ระดับ 280,000 เมตริกตันต่อปี โซดาไฟที่ระดับ 266,000 เมตริกตันต่อปี และวีซีเอ็ม (ไวนิล คลอไรด์ โมโนเมอร์ หรือ Vinyl Chloride Monomer) ที่ระดับ 400,000 เมตริกตันต่อปี โดยวีซีเอ็มที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตพีวีซีของบริษัท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทจำหน่ายพีวีซีได้ 177,000 เมตริกตัน โซดาไฟ 164,000 เมตริกตัน และวีซีเอ็ม 79,000 เมตริกตัน ซึ่งปริมาณการจำหน่ายโดยรวมของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ลดลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการหยุดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2554 อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทกลับเพิ่มขึ้น 12% เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อัตราการเติบโตของอุปสงค์พีวีซีทั่วโลกอ่อนตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการบริโภคพีวีซีของไทยน่าจะมีแนวโน้มที่ดีตามอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2555 ประกอบกับกิจกรรมการซ่อมแซมและก่อสร้างที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา
ในปี 2553 บริษัทเริ่มดำเนินการโครงการลงทุนแห่งใหม่ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วยโรงงานผลิตสาร Epichlorohydrin (ECH) ขนาดกำลังการผลิต 100,000 เมตริกตันต่อปี รวมถึงการขยายกำลังการผลิตคลอรีนอีก 90,000 เมตริกตันต่อปีและโซดาไฟอีก 100,000 เมตริกตันต่อปี โดยการขยายกำลังการผลิตคลอรีนและโซดาไฟนั้นส่วนหนึ่งเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบวัตถุดิบในการผลิต ECH โรงงานผลิต ECH คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมกราคม 2555 ในขณะที่ส่วนขยายกำลังการผลิตคลอรีนและโซดาไฟคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในกลางปี 2555 โครงการดังกล่าวน่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่บริษัทมากยิ่งขึ้นและยังเป็นการขยายไปสู่สายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งนี้ เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวบางส่วนจะมาจากการกู้ยืม
ฐานะการเงินของบริษัทยังคงเข้มแข็งซึ่งได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและภาระหนี้สินที่ต่ำ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมีรายได้ 10,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 22.8% จาก 17.6% ในปี 2553 เนื่องจากบริษัทมีกระบวนการผลิตที่ครบวงจรซึ่งทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของราคาพีวีซีและเอธิลีนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่โซดาไฟซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตครบวงจรของบริษัทก็มีราคาเพิ่มขึ้นด้วย อัตรากำไรที่สูงขึ้นส่งผลทำให้บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 2,517 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ซึ่งมากกว่าปี 2553 ทั้งปีที่ 2,399 ล้านบาท เงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1,400 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 จากการลงทุนในโรงงาน ECH และการขยายกำลังการผลิตคลอรีนและโซดาไฟ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีสภาพคล่องในระดับสูงซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมและอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายที่อยู่ในระดับสูง แม้ว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะเพิ่มขึ้น ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2553 แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ระดับภาระหนี้สินที่ต่ำของบริษัทสะท้อนถึงนโยบายการเงินที่มีความระมัดระวังอันจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งนี้ อัตราส่วนดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระยะกลาง เนื่องจากบริษัททำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคสำหรับกลุ่ม Solvay บริษัทจึงเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือการลงทุนในภูมิภาคเอเซียของกลุ่ม ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ
บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน)(VNT)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ rapee@tris.co.th โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html