ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. ทุนธนชาต” เป็น “A+/Stable” จาก “A/Positive”

ข่าวทั่วไป Monday January 16, 2012 13:21 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A+” จากเดิมที่ระดับ “A” พร้อมเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งทำธุรกิจลงทุนในกลุ่มธนชาต ตลอดจนอำนาจการบริหารงานในธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผ่านการถือหุ้น 50.96% และผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากธนาคารธนชาต ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารธนชาตซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์อยู่ 1 ขั้นอันสะท้อนถึงการที่บริษัทต้องพึ่งพารายได้เงินปันผลจากธนาคารธนชาตเป็นหลัก รวมถึงอุปสรรคจากกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปันผลจากธนาคารธนชาต นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่พัฒนาขึ้นมาในระดับที่ได้มาตรฐาน ฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและเงินทุนจากพันธมิตรทางธุรกิจคือ Bank of Nova Scotia (BNS) ด้วย ในขณะเดียวกัน การซื้อกิจการธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) โดยธนาคารธนชาตยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการตลาด ตลอดจนความหลากหลายของธุรกิจ และฐานะทางการเงินในอนาคตของกลุ่มธนชาต โดยช่วยสร้างการเติบโตทั้งในส่วนของเงินให้สินเชื่อ ฐานเงินฝาก และจำนวนสาขาของธนาคาร อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย ตลอดจนภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงความไม่มีเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลก โดยปัจจัยเหล่านี้อาจจำกัดความสามารถในการทำกำไรรวมทั้งโอกาสในการขยายธุรกิจของกลุ่มธนชาตด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าธนาคารธนชาตซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทจะสามารถผสานประโยชน์ทางธุรกิจกับ BNS และทำให้สถานะในการแข่งขันในธุรกิจหลักมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งการได้รับการสนับสนุนทั้งด้านเงินทุน ความรู้ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจจากพันธมิตรอันได้แก่ BNS และบริษัททุนธนชาตนั้นจะช่วยให้ธนาคารธนชาตมีผลประกอบการที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดด้วยว่าบริษัทจะสามารถควบคุมดูแลและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ทริสเรทติ้งรายงานว่า BNS กลายมาเป็นพันธมิตรธุรกิจของบริษัททุนธนชาตโดยได้ถือหุ้นในธนาคารธนชาตในสัดส่วน 24.98% ในเดือนกรกฎาคม 2550 และเพิ่มขึ้นเป็น 49% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ต่อมาธนาคารธนชาตได้ซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยในปี 2553 ตามแผนกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจ พร้อมทั้งทำการถ่ายโอนธุรกิจของธนาคารนครหลวงไทยมาเป็นของธนาคารธนชาตอย่างเรียบร้อยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 การซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทยช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันให้แก่ธนาคารธนชาต อีกทั้งยังช่วยให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีการกระจายตัวโดยมีสัดส่วนของสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยที่ดีขึ้น

ทริสเรทติ้งกล่าวว่าบริษัททุนธนชาตมีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย 15 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 8.3% และของเงินฝากที่ 6.5% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 888.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จาก 881.9 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2553 รายได้จากการดำเนินงานสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 เป็นรายได้ที่มาจากธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยของธนาคารประมาณ 93% ส่วนที่เหลืออีก 7% เป็นรายได้จากบริษัทและบริษัทย่อยอื่นๆ ของบริษัท ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส จำกัด และบริษัทบริหารสินทรัพย์ แม๊กซ์ จำกัด

บริษัททุนธนชาตมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิสำหรับงบการเงินรวมในปี 2553 จำนวน 5,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% จากกำไรสุทธิในปี 2552 จำนวน 5,109 ล้านบาทซึ่งเป็นผลจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ต้นทุนสำรองหนี้สูญลดต่ำลง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทในงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 ลดลง 4.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 4,250 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 4,065 ล้านบาทในปี 2554 โดยยังคงสอดคล้องกับตัวเลขประมาณการของทริสเรทติ้ง สำหรับอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (Return on Average Asset -- ROAA) เติบโตจาก 0.77% ในปี 2551 เป็น 1.2% ในปี 2552 แต่กลับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.84% ในปี 2553 อันเป็นผลจากการที่บริษัทมีสินทรัพย์รวมที่ใหญ่ขึ้นถึง 2 เท่าภายหลังการควบรวมกิจการ ในขณะที่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิของธนาคารนครหลวงไทยนั้นกลับเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ย (Return on Average Equity -- ROAE) เพิ่มขึ้นจาก 8.57% ในปี 2551 เป็น 12.81% ในปี 2552 แต่ลดลงไปอยู่ที่ระดับ 9.47% ในปี 2553 ซึ่งเป็นผลจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมในบริษัทย่อย (ส่วนของ BNS) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามการเพิ่มทุนของธนาคารธนชาต นอกจากนี้ ROAA และ ROAE สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2554 ก็เท่ากับ 0.46% และ 5.62% ตามลำดับ (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) โดยลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 0.65% และ 7.24% ตามลำดับ

บริษัททุนธนชาตได้สร้างคณะผู้บริหารที่มีความชำนาญซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้การสนับสนุนบริษัทย่อยในกลุ่มธนชาตในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ในขณะเดียวกันยังสามารถยืดหยุ่นและปรับตัวเพื่อพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง กระนั้นก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญกับสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจของธนาคารนครหลวงไทยอันเป็นผลจากการซื้อกิจการโดยธนาคารธนชาต ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 บริษัทมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเท่ากับ 6.62% เพิ่มขึ้นจาก 4.06% ในปี 2552 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ

ธนาคารพาณิชย์ไทย 11 แห่งในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง (ไม่รวมธนาคารที่มีต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 แห่ง) บริษัทมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ยอดคงค้างของสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 คิดเป็น 0.76 เท่าของผลรวมของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.44 เท่าในปี 2552 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0.53 เท่า ความสามารถของคณะผู้บริหารในการควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์ในช่วงเวลาหลังการควบรวมกิจการจึงยังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป ทั้งนี้ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และธุรกิจที่มีการกระจายตัว ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยปกป้องบริษัทจากความเสี่ยงจากภาวะถดถอยได้ในระยะกลาง ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP)
อันดับเครดิตองค์กร:	                              เพิ่มเป็น A+ จาก A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TCAP131A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	เพิ่มเป็น A+ จาก A
TCAP14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	เพิ่มเป็น A+ จาก A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                              Stable (คงที่) จาก Positive (บวก)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html





เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ