บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตระดับ “BBB+” ให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทของ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) ในขณะเดียวกันยังประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันที่ระดับ “A+” พร้อมคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระหนี้เดิมที่มีหลักประกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas -- LPG) ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย รวมถึงการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง และฐานลูกค้าที่กระจายตัวทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความไม่แน่นอนของกฎระเบียบและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทมีสัดส่วนการค้าก๊าซ LPG ระหว่างประเทศที่สูงขึ้นด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะในการเป็นผู้ค้าก๊าซ LPG รายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศไทยเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการเงินและสภาพคล่องให้เพียงพอสำหรับรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินธุรกิจค้าก๊าซ LPG ในต่างประเทศ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2544 โดยกลุ่มตระกูลวีรบวรพงศ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2551 โดย ณ เดือนสิงหาคม 2554 กลุ่มตระกูลวีรบวรพงศ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทในสัดส่วน 66.7% บริษัทเป็นผู้ค้าก๊าซ LPG รายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศไทย โดยการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยประกอบด้วยการค้าก๊าซ LPG ภายใต้ตราสัญลักษณ์ “สยามแก๊ส” และ “ยูนิคแก๊ส” ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2554 ที่ระดับ 27.5% รองจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (39.8%) นอกจากนี้ บริษัทยังประกอบธุรกิจค้าก๊าซแอมโมเนียและสินค้าปิโตรเคมีอื่น ๆ ด้วย บริษัทมีโครงข่ายการกระจายสินค้าทั่วประเทศที่แข็งแกร่ง โดย ณ เดือนมิถุนายน 2554 มีคลังเก็บก๊าซ LPG จำนวน 7 แห่ง โรงบรรจุก๊าซ LPG จำนวน 176 แห่ง และสถานีบริการก๊าซ LPG สำหรับยานยนต์จำนวน 422 สถานี นอกจากนี้ บริษัทยังมีระบบขนส่งก๊าซที่หลากหลาย รวมทั้งให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลเพื่อสนับสนุนธุรกิจค้าก๊าซ LPG ของบริษัทด้วย
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีปริมาณการค้าก๊าซ LPG ในประเทศโดยเฉลี่ย 1 ล้านตันต่อปี โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2554 การค้าก๊าซ LPG สำหรับกลุ่มครัวเรือนคิดเป็น 66.7% ของปริมาณขายในประเทศ ในขณะที่กลุ่มยานยนต์คิดเป็น 23.6% และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมคิดเป็น 9.6% การตัดสินใจของรัฐบาลในการขึ้นราคาก๊าซ LPG สำหรับยานยนต์เป็นราคา 9 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 4.86 บาทต่อลิตรภายใน 12 เดือนโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 นั้นอาจจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ก๊าซ LPG สำหรับยานยนต์ในทันทีเนื่องจากก๊าซ LPG ยังมีราคาค่อนข้างถูกกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นยกเว้นก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (Natural Gas for Vehicle -- NGV) ซึ่งมีราคาถูกกว่าก๊าซ LPG นอกจากนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะที่ใช้ก๊าซ NGV ยังได้รับเงินชดเชยผ่านบัตรเครดิตพลังงานด้วย อย่างไรก็ตาม จำนวนสถานีให้บริการก๊าซ NGV ยังมีจำนวนน้อยกว่าสถานีให้บริการก๊าซ LPG เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านการขนส่ง
ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจค้าก๊าซ LPG ไปยังหลายประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 มีปริมาณการค้าก๊าซ LPG ในต่างประเทศจำนวน 430,000 ตัน คิดเป็น 32.7% ของปริมาณการค้าก๊าซ LPG ทั้งหมดของบริษัท โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการค้าก๊าซ LPG ในต่างประเทศให้อยู่ในระดับ 50% ของยอดขายรวมภายในปี 2557 โดยภายหลังจากการซื้อหุ้น 100% ใน BP Zhuhai LPG Co., Ltd. ในเดือนธันวาคม 2553 และ 100% ใน Chevron Ocean Gas & Energy Ltd. ในเดือนมิถุนายน 2554 แล้ว บริษัทจะใช้คลังเก็บก๊าซ LPG รวมทั้งสิ้น 300,000 ตันในประเทศจีนเป็นฐานสำหรับการค้าก๊าซทั้งในประเทศจีนและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าการซื้อกิจการในต่างประเทศจะเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจ แต่ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้แก่บริษัทมากขึ้นจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ไม่คุ้นเคยในประเทศเหล่านั้นและความผันผวนของราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงเนื่องจากการขยายการลงทุนอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2553-2554 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทมีปริมาณการขายก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น 48.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 74.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นผลมาจากการค้าก๊าซ LPG ในต่างประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ลดลงเป็น 4.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 จาก 9.5% ในปี 2553 เนื่องจากการขาดทุนจากสินค้าคงเหลือและการมีค่าใช้จ่ายสำหรับกิจการในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการแข่งขันการค้าก๊าซ LPG สำหรับกลุ่มยานยนต์ที่ทวีความรุนแรง การซื้อกิจการในช่วงปี 2553-2554 และการเพิ่มระดับสินค้าคงคลังสำหรับธุรกิจในต่างประเทศส่งผลให้บริษัทมีเงินกู้รวมเพิ่มเป็น 10,004 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 59.5% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นหลังจากการลงทุนในโครงการต่างประเทศสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัทอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557 คงเดิมที่ A+ หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ rapee@tris.co.th โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html