ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 5,500 ล้านบาท “ธ. ธนชาต” ที่ระดับ “AA-”และคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AA-/Stable” & หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุน

ข่าวทั่วไป Friday March 16, 2012 13:00 —ทริส เรตติ้ง

ปัจจุบันที่ระดับ “A+” และ “A”

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,500 ล้านบาทของ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A+” และ “A” ตามลำดับ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นภายหลังการซื้อกิจการและความสำเร็จในการควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และกระจายตัวมากกว่า อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในธุรกิจหลัก อันได้แก่สินเชื่อเช่าซื้อ ตลอดจนเครือข่ายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และกลยุทธ์ที่เอื้อต่อการเพิ่มความแข็งแกร่งในการผสานกำลังทางธุรกิจของกลุ่มธนชาต นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากประเทศแคนาดา คือ Bank of Nova Scotia (BNS) ซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 49% อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของธนาคารถูกลดทอนลงจากการมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Asset - NPA) ในระดับสูง ตลอดจนความไม่แน่นอนของผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2554 และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงทั้งในธุรกิจธนาคารและธุรกิจหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การเติบโตทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของกลุ่มธนชาตอาจถูกจำกัดด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนของทั้งภาวะการเมืองภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลก

อันดับเครดิตระดับ “A” สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร (TBANK197A และ TBANK247A) สะท้อนถึงความด้อยสิทธิและความเสี่ยงต่อการเลื่อนชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และสะสมผลตอบแทน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2562 และ 2567 ทั้งนี้ ธนาคารสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้คืนทั้งจำนวนก่อนครบกำหนดได้ภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทนี้จะได้รับการชำระเงินในลำดับถัดจากผู้ฝากเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกัน และผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ประเภทนี้ในกรณีที่ธนาคารมีผลประกอบการขาดทุนในงวดบัญชี 6 เดือนล่าสุดก่อนถึงวันกำหนดชำระดอกเบี้ยและธนาคารไม่มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงเวลา 6 เดือนก่อนวันกำหนดชำระดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม จำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายคืนจะเป็นจำนวนดอกเบี้ยสะสม

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนบทบาทสำคัญของธนาคารในการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มธนชาต โดยคาดว่าการผสานกำลังที่เกิดจากการควบรวมกิจการจะช่วยให้สถานะทางการตลาดของธนาคารมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งธนาคารจะสามารถปรับปรุงคุณภาพของสินทรัพย์ให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ การเติบโตอย่างสม่ำเสมอของรายได้ การบรรลุวิธีแก้ไขสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลดีต่ออันดับเครดิตของธนาคาร นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนความคาดหมายว่าการลดลงของวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 50 ล้านบาทเป็น 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม 2555 จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบอย่างรุนแรงโดยทันทีต่อระบบธนาคารพาณิชย์

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารธนชาตเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 6 ณ สิ้นปี 2554 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 7.9% และเงินฝากที่ 6.0% ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย ณ สิ้นปี 2554 มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 26% ด้วยสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 286.5 พันล้านบาท (รวมสินเชื่อของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) ธนาคารควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทยจนสำเร็จตามแผนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ส่งผลให้ธนาคารมีสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในภาคสินเชื่อธุรกิจ สัดส่วนของสินเชื่อมีความเหมาะสมยิ่งขึ้นจากการกระจายตัวของสินเชื่อไปสู่ธุรกิจทุกภาคส่วน อีกทั้งยังช่วยลดการกระจุกตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อีกด้วย สัดส่วนสินเชื่อธุรกิจในปี 2554 คิดเป็น 38% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 22% ในปี 2552 ในขณะที่สินเชื่อรายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 62% ลดลงจาก 78% เมื่อสิ้นปี 2552 นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเงินฝากขนาดใหญ่และเครือข่ายสาขาจำนวนมากของธนาคารนครหลวงไทยซึ่งจะช่วยสนับสนุนและขยายขอบเขตการให้บริการทางการเงินในกลุ่มธนชาต ผ่านช่องทางและเครือข่ายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารจะมีมูลค่าเครือข่ายทางธุรกิจ (Franchise Value) ที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในระยะกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ตามความสามารถของธนาคารในการผสานประโยชน์ทางธุรกิจภายในกลุ่มธนชาตยังต้องใช้เวลาพิสูจน์สักระยะหนึ่ง

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ฐานะการเงินของธนาคารธนชาตดีขึ้นตามลำดับ โดยในปี 2553 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 8,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% จาก 4,056 ล้านบาทในปี 2552 อันเป็นผลจากการควบรวมกิจการ ธนาคารมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและมีรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (Return on Average Asset - ROAA) และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ย (Return on Average Equity - ROAE) ในปี 2553 เท่ากับ 1.34% และ 17.51% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.00% และ 16.48% ในปี 2552 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของธนาคารในปี 2554 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2553 ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขประมาณการของทริสเรทติ้งในช่วงเวลาการควบรวมกิจการ โดยธนาคารมีกำไรสุทธิในปี 2554 จำนวน 7,671 ล้านบาท ลดลง 13% จาก 8,777 ล้านบาทในปี 2553 ROAA และ ROAE เท่ากับ 0.87% และ 10.37% ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง รวมทั้งสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 38.75% ในปี 2553 เป็น 40.46% ในปี 2554 อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในระยะกลางภายหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จสมบูรณ์

สำหรับคุณภาพสินทรัพย์ภายหลังการควบรวมกิจการนั้น ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพและสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ยอดคงค้างของสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจที่รับโอนมาจากธนาคารนครหลวงไทย ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็น 5.92% ของเงินให้สินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 3.04% ในปี 2552 ในขณะที่สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปี 2554 คิดเป็น 0.71 เท่าของผลรวมของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ เพิ่มขึ้นจาก 0.31 เท่าในปี 2552 ซึ่งสะท้อนถึงระดับของเงินทุนและสำรองสำหรับรองรับหนี้เสียที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ระดับเงินกองทุนของธนาคารยังคงเพียงพอที่จะรองรับการเสื่อมค่าลงของสินทรัพย์ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ คณะผู้บริหารยังคงต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถดูแลและควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์มิให้เสื่อมถอยลงภายหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ

ในด้านแหล่งเงินทุน ธนาคารมีแหล่งเงินทุนที่กระจายตัวดีขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการ อีกทั้งยังมีโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินที่สอดคล้องกันมากขึ้น เงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งขึ้นจากการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในช่วงปี 2553 จำนวน 35.8 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2554 อยู่ที่ระดับ 8.52% เพิ่มขึ้นจาก 6.44% ในปี 2552 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวม ณ สิ้นปี 2554 เท่ากับ 9.28% และ 13.72% ตามลำดับ ลดลงจาก 11.71% และ 14.75% ในปี 2553 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อและการหักค่าความนิยมออกจากเงินกองทุนชั้นที่ 1 ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TBANK155A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A+
TBANK194A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 คงเดิมที่ A+
TBANK196A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 คงเดิมที่ A+
TBANK197A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 คงเดิมที่ A
TBANK204A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 คงเดิมที่ A+
TBANK247A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 คงเดิมที่ A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2556 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ