ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” ที่ระดับ “BBB-” และคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ปัจจุบันที่ระดับ “BBB” และ “BBB-” แนวโน้ม “Stable&rdq

ข่าวทั่วไป Wednesday March 21, 2012 13:00 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB” และหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้และลงทุนตามแผน อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement — PPA) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer — SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์จากกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากความต้องการใช้เงินจำนวนมากเพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตรวม 800 เมกะวัตต์และจากการซื้อทรัพย์สินของกิจการภายในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังมีข้อจำกัดจากสถานะอันดับเครดิตองค์กรระดับ “BBB” ของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ซึ่งถือหุ้น 36.2% ในบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย ณ เดือนธันวาคม 2554 ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และคาดว่าผลประกอบการและฐานะการเงินจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากการลงทุนใหม่ให้ผลตอบแทนเต็มที่

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 8 โรงด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 493

เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำ 880 ตันภายใต้โครงการ SPP รายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทมีความมั่นคงเนื่องจากมีสัญญา PPA จำนวน 304 เมกะวัตต์ อายุ 25 ปีกับ กฟผ. และสัญญาขายไฟฟ้าจำนวน 74 เมกะวัตต์ กับบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) บริษัทขายไอน้ำที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ภายใต้สัญญาซื้อขายไอน้ำ จากผลงานและประสบการณ์ในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าชีวมวล บริษัทจึงได้รับใบอนุญาตประกอบการโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการ SPP หลายแห่งและภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer — IPP) อีก 1 แห่ง รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเพิ่มทั้งหมด 800 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าของบริษัทและบริษัทย่อยตั้งอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา โรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงผสมระหว่างถ่านหินและชีวมวล แม้การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลร่วมกับถ่านหินจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิง แต่โรงไฟฟ้าชีวมวลก็มีความเสี่ยงจากการสึกหรอของเครื่องจักรอุปกรณ์ในอัตราที่สูงกว่า

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายมีฐานะเป็นบริษัทหลักในธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว บริษัทยังสนใจลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและธุรกิจอื่นด้วยโดยบริษัทได้ลงทุนใน บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ เอทานอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังด้วยกำลังการผลิต 500,000 ลิตรต่อวัน บริษัท เอ็นพีเอส โอเชี่ยน สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเรือขนส่งถ่านหินทางทะเลขนาด 52,000 ตัน และ บริษัท อินเตอร์ สตีวีโดริ่ง 5 จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเลเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่งถ่านหิน

ในปี 2554 บริษัทในกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ และบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้ซื้อทรัพย์สินของโรงไฟฟ้า 3 โรงจากบริษัทในกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ ในราคา 688 ล้านบาท โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 100% ภายใต้โครงการ SPP ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 57 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำ 280 ตัน ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 493 เมกะวัตต์ ในปี 2554 บริษัทยังได้ซื้อหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องในกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ จำนวน 3 แห่ง มูลค่ารวม 207 ล้านบาทด้วย บริษัทย่อยใหม่ทั้ง 3 แห่งประกอบด้วยบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันรำข้าว และบริษัทผู้ให้บริการทำวิจัยและพัฒนาการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ซื้อสิทธิในการประกอบกิจการเหมืองถ่านหินของ PT Utami Jaya Mulia ในประเทศอินโดนีเซียมูลค่า 396 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน 2554

จากผลการดำเนินงานในปี 2554 บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายมีกำไรสุทธิรวม 569 ล้านบาท ลดลง 54% จากปี 2553 ซึ่งเป็นผลจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและการกลับสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ลดลงจากปีก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษเหล่านี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 516 ล้านบาท ลดลง 20% จากปี 2553 อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงเป็น 22.8% ในปี 2554 เทียบกับ 27.3% ในปี 2553 เนื่องจากบริษัทย่อยใหม่เช่นบริษัทผลิตน้ำมันรำข้าวและโรงไฟฟ้าที่เพิ่งซื้อใหม่มีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า ทำให้อัตรากำไรโดยเฉลี่ยของบริษัทลดลง บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 19% เป็น 2,512 ล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากการรวมกำไรของบริษัทย่อยที่ลงทุนในระหว่างปี อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงเป็น 3.67 เท่าในปี 2554 จาก 4.87 เท่าในปี 2553 เนื่องจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นจากการขยายการลงทุน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้น 52.1% ในปี 2554 จาก 43.7% ในปี 2553 เนื่องจากหนี้เงินกู้เพิ่มขึ้นเป็น 11,967 ล้านบาท จาก 8,804 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจากการสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าของที่ดินของบริษัทย่อยคือ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย ไอพีพี จำกัด (NPSIPP) ปัจจุบัน NPSIPP อยู่ระหว่างการพัฒนาโรงไฟฟ้าขนาด 600 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการ IPP โดย NPSIPP ซื้อที่ดินจากบริษัทที่เกี่ยวข้องจำนวน 807 ไร่ในราคา1,077 ล้านบาท ในขณะที่ผู้ประเมินราคาอิสระประเมินราคาไว้เท่ากับ 41 ล้านบาท ผลต่างระหว่างราคาซื้อขายตามสัญญาและมูลค่ายุติธรรมของที่ดินถูกบันทึกไว้เป็นส่วนหักในส่วนของผู้ถือหุ้นของ NPS

ในระยะสั้นถึงปานกลาง ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีความเสี่ยงจากต้นทุนถ่านหินและชีวมวลที่อาจปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มราคาน้ำมัน ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของธุรกิจเอทานอลซึ่งจะเริ่มการผลิตในปี 2555-2556 ความเสี่ยงของธุรกิจเอทานอลรวมถึงความเสี่ยงด้านราคาจากการกำหนดเพดานราคาขายเอทานอลโดยรัฐบาล ในขณะที่ต้นทุนมันสำปะหลังมีความผันผวนจากความเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัทมีแผนการลงทุนรวมมูลค่ากว่า 36,000 ล้านบาทที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องในระหว่างปี 2554-2559 ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการ IPP จำนวน 1 แห่ง โรงไฟฟ้า SPP ซึ่งใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 2 แห่ง และโรงงานเอทานอลอีก 1 แห่ง กำหนดการเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้า SPP จะเริ่มตั้งแต่ปี 2556-2557 ส่วนโรงไฟฟ้า IPP จะก่อสร้างแล้วเสร็จในระหว่างปี 2559-2560 หากแผนการลงทุนทั้งหมดแล้วเสร็จจะส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1,293 เมกะวัตต์จากกำลังการผลิตในปัจจุบัน 493 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทจะพัฒนาโรงไฟฟ้าทั้งหมดได้ตามกำหนดโดยไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินยังเป็นประเด็นกังวลต่อสถานะอันดับเครดิต ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจำกัด (มหาชน) (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                                  คงเดิมที่ BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NPS145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	คงเดิมที่              BBB-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558	            BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                           Stable (คงที่)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ