ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 750 ล้านบาท “บ. ซิงเกอร์ประเทศไทย” และคงอันดับองค์กรที่ระดับ “BBB/Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday March 21, 2012 16:32 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 750 ล้านบาทของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทยที่ระดับ “BBB” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปชำระคืนเงินกู้ตามสัญญาปรับปรุงการชำระหนี้ที่บริษัททำไว้เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 อันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตราสัญลักษณ์สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของบริษัทในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตลอดจนเครือข่ายสาขาและตัวแทนจำหน่ายที่กว้างขวางทั่วประเทศ ประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจให้สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ฐานลูกค้าที่กระจายตัว คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และพนักงานขายที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดีและมีความใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนโดยเสถียรภาพทางธุรกิจและการเงินที่มีประวัติค่อนข้างสั้นหลังจากที่ผลประกอบการของบริษัทเพิ่งฟื้นตัวได้เพียง 2 ปีจากปัญหาขาดทุนในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในช่วงปี 2549-2551 นอกจากนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความยืดหยุ่นทางการเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดและผลงานในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นฐานลูกค้าผู้ประกอบการขนาดเล็กซึ่งต้องรอการพิสูจน์ความสำเร็จต่อไป ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าคณะผู้บริหารของบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยจะสามารถดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายเพื่อดำรงความมั่นคงของสถานะทางการตลาดของบริษัทเอาไว้ให้ได้ตามแผน อีกทั้งผลประกอบการทั้งด้านการดำเนินธุรกิจและฐานะการเงินจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคุณภาพสินเชื่อจะได้รับการควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยมีผลประกอบการเป็นกำไรในปี 2553 หลังจากประสบผลขาดทุนมาหลายปี ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบในทางลบระหว่างปี 2549-2550 จากคุณภาพสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่ถดถอยลงอย่างมาก ในปี 2550 คณะผู้บริหารชุดใหม่ซึ่งส่วนใหญ่เคยร่วมงานกับบริษัทมาตั้งแต่ก่อนปี 2548 ได้กลับมาร่วมงานกับบริษัทอีกครั้ง และต่อมาในปี 2551-2552 บริษัทได้ดำเนินการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างองค์กรซึ่งรวมถึงการแก้ปัญหาสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการดำเนินงานภายใน ส่งผลให้ยอดบัญชีสินเชื่อคงค้างลดลงจากประมาณ 390,000 บัญชีในปี 2548 เหลือประมาณ 160,000 บัญชีในปี 2552

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปี 2553 บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยได้กลับมาเน้นการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านซึ่งบริษัทมีประสบการณ์ที่ยาวนานโดยใช้กลยุทธ์ขยายตลาดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดเล็ก บริษัทเพิ่มและเน้นจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นเครื่องมือสร้างรายได้ให้แก่ผู้ซื้อ เช่น ตู้แช่ และเครื่องเติมเงินสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภทนี้คิดเป็น 26% ของยอดขายรวมในปี 2553 และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 60% ในปี 2554 บริษัทมียอดบัญชีสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากธุรกิจฟื้นตัว โดยมีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นจาก 140,730 บัญชีในปี 2553 เป็น 143,099 บัญชีในปี 2554 ลูกค้าเป้าหมายกลุ่มใหม่นี้จัดว่ามีคุณภาพสูงกว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั่วไปของบริษัท นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ยังช่วยสร้างรายได้ให้แก่ลูกค้าซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้และยกระดับคุณภาพสินเชื่อโดยรวมได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทเพิ่งจำหน่ายสินค้ากลุ่มใหม่นี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น ดังนั้น ความสำเร็จของกลยุทธ์ใหม่ที่จะช่วยให้บริษัทสร้างความมั่นคงให้แก่สถานะทางการตลาดและผลประกอบการยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

ในปลายปี 2551 บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยได้จัดตั้งฝ่ายควบคุมสินเชื่อเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ใบสมัครสินเชื่อ โดยแยกอำนาจการอนุมัติสินเชื่อออกจากพนักงานขายเพื่อสร้างระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์และมาตรฐานการปฏิบัติงาน ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นจากระดับสูงที่ 26.5% ในปี 2550 เป็น 4.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 สินเชื่อของบริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์อุทกภัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกับบริษัทที่ให้บริการสินเชื่ออื่นๆ อย่างไรก็ตาม การกระจายตัวของฐานลูกค้าในแง่ของภาระหนี้ต่อบัญชีและในเชิงพื้นที่มีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อไว้ได้ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 5.0% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 และยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอัตราส่วนในอดีต อัตราส่วนการเก็บเงินเฉลี่ย ณ ทุกๆ สิ้นเดือนก็ปรับตัวดีขึ้นจากระดับต่ำที่ 69.5% ในปี 2550 เป็น 91.2% ในปี 2554 ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะกระจายฐานลูกค้าตามประเภทของผลิตภัณฑ์ต่อไป ทั้งนี้ การพึ่งพิงผลิตภัณฑ์ประเภทใดประเภทหนึ่งมากเกินไปจะทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัว

บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยรายงานผลขาดทุน 1,233 ล้านบาทในปี 2549 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นจำนวน 1,216 ล้านบาทสำหรับสินเชื่อรถจักรยานยนต์ บริษัทยังคงมีผลขาดทุนต่อเนื่องจำนวน 500 ล้านบาทในปี 2550 ในช่วง 2 ปีดังกล่าว ฐานทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลงเป็น 624 ล้านบาทในปี 2550 จาก 2,299 ล้านบาทในปี 2548 บริษัทรายงานผลกำไร 89 ล้านบาทในปี 2553 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากผลขาดทุน 82 ล้านบาทและ 10 ล้านบาทในปี 2551 และ 2552 ตามลำดับ ผลจากความพยายามในการฟื้นฟูธุรกิจ เช่น การสร้างความแข็งแกร่งให้กระบวนการและเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อให้มากขึ้น การเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการเก็บเงิน การลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ไม่จำเป็น และการขยายประเภทผลิตภัณฑ์และฐานลูกค้า เป็นผลให้ความสามารถในการทำกำไรปรับเพิ่มขึ้นมากในปี 2554 โดยบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 142 ล้านบาท ซึ่งทำให้ฐานทุนของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเป็น 981 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 จาก 848 ล้านบาทในปี 2553 สินเชื่อคงค้างของบริษัทลดลงต่ำสุดเหลือ 1,164 ล้านบาทในปี 2554 จาก 4,960 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจาก 69.6% ในปี 2551 เป็น 49.3% ณ สิ้นปี 2553 สินเชื่อคงค้างปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 1,312 ล้านบาทในปี 2554 ในขณะที่ผลประกอบการที่น่าพอใจได้ช่วยปรับเพิ่มฐานทุนของบริษัท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเป็น 42.8% ในปี 2554 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับที่เพียงพอให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจต่อไปได้

การมีเครือข่ายที่กว้างขวางทำให้ตราสินค้า “ซิงเกอร์” เป็นที่รู้จักในพื้นที่ต่างจังหวัดของประเทศมากว่า 1 ศตวรรษ ณ สิ้นปี 2554 เครือข่ายของบริษัทประกอบด้วยสำนักงานขายจำนวน 189 สาขาและพนักงานขายประมาณ 2,500 คน อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทลดทอนลงไปบางส่วนจากข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่นทางการเงิน ในปลายปี 2552 บริษัททำการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืมทั้งหมดซึ่งขณะนั้นเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นแบบหมุนเวียนมาเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวแบบทยอยจ่ายชำระคืนเงินต้น ซึ่งสัญญาปรับปรุงการชำระหนี้ดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มสภาพคล่องแต่ก็จำกัดความยืดหยุ่นทางการเงิน ทั้งนี้ เงื่อนไขในสัญญากำหนดว่าบริษัทจะไม่สามารถระดมทุนโดยการกู้ยืมได้ใหม่หากปราศจากความยินยอมจากเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ การจ่ายชำระคืนเงินกู้ทั้งหมดภายใต้สัญญาปรับปรุงการชำระเงินจากเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะช่วยผ่อนคลายความตึงตัวทางการเงินของบริษัท อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อใช้ขยายธุรกิจยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญของบริษัท ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER)
อันดับเครดิตองค์กร:                                                  	คงเดิมที่ BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 750 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559	          BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                        Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ