ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ธนบรรณ” ที่ระดับ “BBB/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday March 23, 2012 13:01 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ธนบรรณ จำกัด ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประวัติผลประกอบการทางการเงินที่ดี ความสามารถของคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ และฐานทุนที่แข็งแกร่ง ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการพัฒนาและการปรับปรุงระบบปฏิบัติงานและการจัดการความเสี่ยงให้ดีขึ้นผ่านการสนับสนุนของบริษัทแม่ คือ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ด้วย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์และการมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตในระดับสูงถือเป็นปัจจัยลดทอนความแข็งแกร่งของอันดับเครดิต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทธนบรรณจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดและผลประกอบการที่น่าพอใจเอาไว้ได้ ในขณะเดียวกัน บริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ พร้อมทั้งยังคงนโยบายธุรกิจแบบระมัดระวัง (Conservative) อย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นโดยที่การสนับสนุนจากธนาคารแม่ก็คาดว่าจะยังคงมีอยู่เช่นเดิม

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทธนบรรณก่อตั้งในปี 2521 โดยความร่วมมือของกลุ่มผู้ประกอบการจาก 3 ตระกูล เมื่อพิจารณาจากยอดสินเชื่อคงค้าง บริษัทมียอดคงค้างมากเป็นอันดับ 7 ในจำนวนผู้ประกอบการ 9 รายใหญ่ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่บริษัททำธุรกิจ บริษัทมีจำนวนบัญชีสินเชื่อใหม่มากเป็นอันดับ 3 ทั้งนี้ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สินเชื่อคงค้างของบริษัทอยู่ที่ 500-700 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับภาวะการแข่งขันในแต่ละปี สถานะทางการตลาดของบริษัทค่อนข้างด้อยกว่าคู่แข่งรายใหญ่ในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ผลงานความสามารถในการรักษาระดับสินเชื่อและผลประกอบการด้านการเงินที่ดีเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโครงสร้างธุรกิจของบริษัทอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แม้ว่าธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจช่วยให้บริษัทสามารถดำรงอยู่ได้แม้มีการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงปี 2548-2549 ด้วยนโยบายทางธุรกิจแบบระมัดระวัง จากผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัทจึงประสบความสำเร็จในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงแต่ก็ให้ผลตอบแทนในระดับสูงเช่นกัน

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปลายปี 2552 ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อยได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทธนบรรณจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยคาดว่าผลประกอบการที่โดดเด่นของบริษัทจะช่วยส่งเสริมผลประกอบการโดยรวมของธนาคารได้ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ผนวกกับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ บริษัทได้ทำการปรับปรุงระบบปฏิบัติงานพร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อและระบบการจัดเก็บหนี้ รวมถึงเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ระบบและนโยบายการจัดการความเสี่ยง

หลังจากเป็นสมาชิกในเครือธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย สินเชื่อคงค้างของบริษัทธนบรรณก็เพิ่มขึ้นจาก 592 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 666 ล้านบาทในปี 2553 และเป็น 984 ล้านบาทในปี 2554 ลักษณะของธุรกิจสินเชื่อยานยนต์นั้น สินเชื่อใหม่ส่วนใหญ่มักมาจากการส่งผ่านโดยตัวแทนจำหน่าย แม้ว่าบริษัทจะมีตัวแทนจำหน่ายเกือบ 100 รายในเครือข่ายทางการตลาด แต่กว่า 70% ของสินเชื่อใหม่ยังคงมาจากตัวแทนจำหน่าย 10 รายใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจในแง่ของตัวแทนจำหน่าย อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและมีมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปีกับตัวแทนจำหน่ายช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการที่ดีและรวดเร็วแก่ตัวแทนจำหน่ายในขณะที่ยังคงดำรงนโยบายเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อแบบระมัดระวัง อีกทั้งยังพยายามกระจายฐานตัวแทนจำหน่ายโดยการขยายพื้นที่ทางการตลาดและเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายให้กว้างขวางและมากขึ้นด้วย

คุณภาพสินเชื่อของบริษัทธนบรรณปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) ต่อเงินให้สินเชื่อรวมปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 10.5% ในปี 2551 เป็น 1.6% ในปี 2554 การปรับตัวที่ดีขึ้นของคุณภาพสินเชื่อสะท้อนถึงนโยบายการจัดการความเสี่ยงของบริษัทที่เข้มแข็งขึ้นจากการเน้นลูกค้าที่มีคุณภาพเครดิตสูงขึ้น

ในปี 2552 เนื่องจากบริษัทธนบรรณเน้นลูกค้าที่มีคุณภาพเครดิตดีขึ้นในภาวะการแข่งขันที่รุนแรง จึงทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลง บริษัทเรียกเก็บเงินดาวน์ที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยกับอัตราดอกเบี้ยที่เสนอให้แก่ลูกค้าในระดับที่ลดลง ผลตอบแทนด้านอัตราดอกเบี้ยรับจึงลดลงจากเกือบ 40% ในปี 2551 เป็นประมาณ 30% ในปี 2552 ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับลดลงเป็น 45 ล้านบาทในปี 2552 จากระดับ 70-80 ล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 6.5% ในปี 2552 จาก 11% ในปี 2551 ผลประกอบการของบริษัทในปี 2553 และ 2554 ยังมีภาระจากการมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากสัญญาการให้คำปรึกษา โดยสัญญาดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนถ่ายธุรกิจจากผู้ถือหุ้นเก่ามาเป็นธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อยเป็นไปด้วยความราบรื่น บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 2553 อยู่ที่ 40 ล้านบาทและปรับเพิ่มเป็น 53 ล้านบาทในปี 2554 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2555 นี้

บริษัทธนบรรณมีความยืดหยุ่นทางการเงินเพิ่มขึ้นมากหลังจากมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดอยู่ในกลุ่ม Full Consolidation ตามเกณฑ์การกำกับดูแลแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวจำกัดเงินทุนที่บริษัทจะได้รับจากธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อยไว้ที่ไม่เกิน 11% ของฐานทุนของธนาคาร โดยฐานทุนของธนาคารยังมีขนาดเล็กและไม่เพียงพอต่อการสนับสนุนด้านเงินทุนที่ให้แก่บริษัทตามแผนธุรกิจที่วางไว้ บริษัทจึงจำเป็นต้องกระจายแหล่งเงินทุนของตนเอง แม้จะมีการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคต แต่บริษัทก็มีฐานทุนที่แข็งแกร่งจากอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมที่ระดับ 56.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งเพียงพอต่อการขยายฐานสินเชี่อ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะดำรงฐานทุนเอาไว้ให้มากกว่าธุรกิจการให้บริการสินเชื่อประเภทอื่น ๆ โดยฐานทุนที่มีมากกว่าปกติจะใช้รองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตในระดับที่สูงกว่าเนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท ธนบรรณ จำกัด (TNB)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ