ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บล. ธนชาต” ที่ระดับ “A/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday April 3, 2012 16:30 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้น 100% โดยธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) และเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนชาต อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์และมีแนวทางการบริหารงานที่ระมัดระวัง ตลอดจนความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และการมีฐานเงินทุนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากเครือข่ายและความสัมพันธ์กับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่กลุ่มธนชาตมีอยู่อย่างกว้างขวางทั่วประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความผันผวนอยู่มาก อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนที่เกิดจากการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบที่เริ่มต้นในปี 2555 นี้ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่ระมัดระวังของผู้บริหาร ตลอดจนจุดแข็งทางธุรกิจของบริษัทในส่วนของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ แนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารธนชาตและยังคงเป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนชาตต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะยังรักษาระบบจัดการความเสี่ยงเอาไว้ให้เพียงพอเพื่อใช้ควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ อีกทั้งบริษัทจะสามารถเรียกคืนส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศกลับมาได้ในอนาคตอันใกล้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บล. ธนชาตมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ค่อนข้างมั่นคงที่ระดับ 4%-5% ในช่วงปลายปี 2553 บริษัทได้รับโอนกิจการของ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวง จำกัด ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดในระหว่างปี 2553 อยู่ที่ 0.9% แต่ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในปี 2554 กลับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.4% (อันดับ 10 จากนายหน้า 33 ราย) จาก 4.5% (อันดับ 8) ในปี 2553 อันเป็นผลจากการสิ้นสุดสัญญาความร่วมมือกับคู่ค้าต่างประเทศรายหนึ่งในช่วงกลางปี 2553 สืบเนื่องจากเหตุดังกล่าว ปริมาณการซื้อขายของบริษัทในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศจึงลดลงไปกว่า 90% ทั้งนี้ บริษัทมีความร่วมมือในด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนวาณิชธนกิจ และงานวิจัยกับคู่ค้าต่างประเทศรายนี้มาตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาหาคู่ค้ารายใหม่เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศกลับคืนมา ในส่วนของธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์นั้น ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นในเกือบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ในปี 2554 จาก 2.2% ในปี 2553

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บล. ธนชาตใช้ประโยชน์จากสาขาของธนาคารธนชาตในการขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยราว 25% ของบัญชีเปิดใหม่ในปี 2554 เป็นลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารธนชาตเมื่อเทียบกับในปี 2553 แล้วบริษัทมีสัดส่วนดังกล่าวไม่ถึง 15% ธนาคารธนชาตได้เสนอผลตอบแทนที่จูงใจแก่พนักงานเพื่อให้พนักงานแนะนำลูกค้าของธนาคารให้มาใช้บริการของบริษัท การที่ธนาคารธนชาตควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทยเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่บริษัทมากขึ้น โดยสาขาของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 677 สาขา ณ สิ้นปี 2554 เทียบกับ 257 สาขา ณ สิ้นปี 2553 นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการวาณิชธนกิจแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องในกลุ่มธนชาตด้วย การเกื้อหนุนเหล่านี้ช่วยทำให้บริษัทมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ไม่มีความสัมพันธ์กับธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบ นอกเหนือจากความช่วยเหลือในการขยายธุรกิจแล้ว ธนาคารธนชาตยังให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัท โดยกว่า 60% ของวงเงินสินเชื่อที่บริษัทมีเป็นวงเงินสินเชื่อจากธนาคารธนชาต

บล. ธนชาตมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ไม่มากนักเนื่องจากบริษัทมีนโยบายการลงทุนเพื่อผลตอบแทนแบบ Arbitrage เท่านั้นโดยไม่ได้มีการเก็งกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์รายวัน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเงินลงทุนที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนประมาณ 2-3 บริษัท โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 มูลค่าตลาดของเงินลงทุนเหล่านั้นอยู่ที่ 855 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าเงินลงทุนนี้จะสร้างผลตอบแทนแก่บริษัทในรูปของรายได้จากเงินปันผล แต่ก็ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์อยู่บ้าง ในส่วนของความเสี่ยงด้านเครดิตจากการให้สินเชื่อนั้น บริษัทมียอดการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 1.9 พันล้านบาท คิดเป็นเกือบ 2 เท่าของยอด ณ สิ้นปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตในส่วนนี้ได้ต่อไปโดยใช้เกณฑ์การเรียกหลักประกันเพิ่มและการบังคับขายที่เข้มงวด รวมทั้งยังคงนโยบายการกำหนดเกณฑ์ของหลักประกันที่เคร่งครัด

ความสามารถในการทำกำไรของ บล. ธนชาตอยู่ในระดับที่ดีและเทียบเคียงได้กับคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของบริษัทปรับเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 63% ในปี 2554 จาก 54% ในปี 2553 การเพิ่มสูงขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น 20% จากขนาดของกิจการที่ใหญ่ขึ้นภายหลังการควบรวมกับบริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย ในขณะเดียวกันกับที่บริษัทต้องสูญเสียรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศหลังจากความร่วมมือกับคู่ค้าต่างประเทศได้สิ้นสุดลง

กำไรสุทธิของ บล. ธนชาตลดลงเหลือ 293 ล้านบาทในปี 2554 เทียบกับ 391 ล้านบาทในปี 2553 แม้จะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 4% ก็ตาม ณ สิ้นปี 2554 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 2.6 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปอยู่ที่ 149% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ 7% ตามที่ทางการกำหนด ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TNS)
อันดับเครดิตองค์กร: A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ