ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท “บ. บางจากปิโตรเลียม” และคงอันดับองค์กรที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday April 4, 2012 09:02 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท ตลอดจนสะท้อนถึงการผสานธุรกิจการตลาดเข้ากับการดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมัน การกระจายธุรกิจไปสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน และการสนับสนุนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ในการพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าการกลั่น (Gross Refining Margin) รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอและความไม่แน่นอนของนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำเนินงานโรงกลั่นน้ำมันและดำรงสถานะทางการตลาดในธุรกิจน้ำมันของประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นั้นจะสร้างรายได้ที่แน่นอนให้แก่บริษัทในระยะยาวและจะช่วยลดความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันได้บางส่วน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบางจากปิโตรเลียมก่อตั้งในปี 2528 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันขนาด 120 พันบาร์เรลต่อวัน (KBD) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้า “บางจาก” อีกประมาณ 1,000 แห่งด้วย การเพิ่มทุนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2549 ทำให้ ปตท. กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย ปตท. 27.2% กระทรวงการคลัง 10.0% และส่วนที่เหลืออีก 62.8% ถือโดยนักลงทุนทั่วไป

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทบางจากปิโตรเลียมเป็นโรงกลั่นแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) อย่างเต็มรูปแบบหลังจากหน่วยแตกโมเลกุล (Hydro-cracking Unit) เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2552 โดยโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทมีความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบได้หลายชนิดโดยเฉพาะน้ำมันดิบชนิดหนักและมีปริมาณกำมะถันสูง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่ได้ยังมีมูลค่าสูงอีกด้วย โดยในปี 2554 ผลิตภัณฑ์น้ำมันที่บริษัทกลั่นได้ประกอบด้วยน้ำมันดีเซล 52% น้ำมันเบนซิน 23% น้ำมันอากาศยาน 13% และน้ำมันเตา 12% การดำเนินงานโดยทั่วไปของโรงกลั่นน้ำมันเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ดี ในปี 2554 บริษัทมีปริมาณน้ำมันดิบที่ส่งเข้ากลั่นลดลงเป็น 85.7 KBD จาก 86.0 KBD ในปี 2553 การลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการหยุดเดินเครื่องโรงกลั่นน้ำมันเป็นการชั่วคราวเพื่อทำการซ่อมบำรุงใหญ่นาน 32 วันในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2555 ค่าการกลั่นพื้นฐาน (Base GRM) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 6.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2554 จาก 5.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2553 เนื่องจากสภาพตลาดมีความเอื้ออำนวยและโรงกลั่นน้ำมันมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านธุรกิจการตลาดของบริษัทบางจากปิโตรเลียมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นจาก 297 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2552 เป็น 327 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2553 และ 350 ล้านลิตรต่อเดือนในปี 2554 นอกจากนี้ บริษัทยังคงเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการมากเป็นอันดับ 3 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 13.4% ในปี 2554

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวม 38 เมกะวัตต์ของบริษัทบางจากปิโตรเลียมซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 โดยคาดว่าความเสียหายทั้งหมดมีมูลค่าประมาณ 2,600 ล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ระยะแรกขนาด 8 เมกะวัตต์ซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2554 ต้องหยุดการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2554 และคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับการชดเชยจากการทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Property Damage Insurance) และประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance) ในขณะที่โรงไฟฟ้าระยะที่ 2 ขนาด 30 เมกะวัตต์ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาทนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของผู้รับเหมาก่อสร้างเนื่องจากอยู่ในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้างในช่วงที่เกิดน้ำท่วม โดยความเสียหายของโครงการระยะที่ 2 นี้จะได้รับการชดเชยจากประกันภัยที่ผู้รับเหมาได้ทำไว้ ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ระยะแรกสามารถดำเนินงานได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2555 และระยะที่ 2 จะเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกรกฎาคม 2555

ฐานะทางการเงินของบริษัทบางจากปิโตรเลียมอยู่ในระดับที่ดี โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 16.3% คิดเป็น 158,610 ล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและปริมาณการจำหน่ายผ่านธุรกิจการตลาดของบริษัทที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในปี 2553 เป็น 5.6% ในปี 2554 สำหรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจโดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับ 38.3% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 บริษัทมีแผนการลงทุนสำหรับโครงการใหม่ในระหว่างปี 2554-2558 มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก ทั้งนี้ จากการคาดการณ์อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายที่ระดับ 5,000-8,000 ล้านบาทต่อปีทำให้คาดว่าสัดส่วนหนี้สินต่อเงินทุนของบริษัทอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่มีการพัฒนาโครงการใหม่ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2565 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ