ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 2,485 ล้านบาท “ธ. เกียรตินาคิน” และคงอันดับองค์กร & หุ้นกู้ชุดปัจจุบันที่ระดับ “A-/Positive”

ข่าวทั่วไป Wednesday April 11, 2012 09:00 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,485 ล้านบาทของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มี

ประกันชุดปัจจุบันของธนาคารที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Positive” หรือ “บวก” อันดับเครดิตสะท้อนสถานะทางธุรกิจและการเงินของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ การ

บริหารความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และฐานเงินกองทุนที่มีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตลดทอนลงจากการที่ธนาคารมีมูลค่าเครือข่ายธุรกิจ (Franchise Value) ในระดับ

ปานกลาง รวมถึงการมีเครือข่ายที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และความไม่แน่นอนของการเคลื่อนย้ายเงินฝากภาคเอกชนภายหลังการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากตามพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงิน

ฝาก นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งการแข่งขันในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจหลักทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางธุรกิจและความสามารถในการทำ

กำไรของธนาคารได้ในอนาคต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารจะสามารถรักษาระดับการเติบโตทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรเอาไว้ได้ในระยะ

กลาง อีกทั้งยังสะท้อนถึงความสามารถของธนาคารในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อและดำรงเงินกองทุนที่เพียงพอเพื่อรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเงินในอนาคต สิ่งที่ยังคงต้องระมัดระวัง

3 ประการได้แก่ ผลกระทบที่อาจเกิดจากเหตุอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของฐานเงินฝากรายย่อยหลังกฎหมายคุ้มครองเงินฝากมีผลสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม 2555 และต้นทุนทางการเงินที่อาจเพิ่ม

สูงขึ้น ทั้งนี้ ความสามารถในการดำรงไว้ซึ่งจุดแข็งของธนาคาร รวมทั้งการรักษาฐานเงินทุนที่มีเสถียรภาพด้วยต้นทุนที่เหมาะสมยังต้องการเวลาในการพิสูจน์ต่อไป

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารเกียรตินาคินเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีขนาดของสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 11 จากทั้งสิ้น 15 แห่ง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินทรัพย์ 1.6%

สินเชื่อ 1.7% และเงินรับฝาก 0.9% ธนาคารมีความชำนาญในธุรกิจหลักอันประกอบด้วยธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ สำหรับธุรกิจสินเชื่อนั้น แม้จะเกิดเหตุอุทกภัย

ครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมาแต่สินเชื่อของธนาคารยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น 26% อันเป็นผลสืบเนื่องจากการเติบโตของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศและการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจในช่วง 3 ไตรมาสแรกของ

ปี 2554 ด้วยยอดสินเชื่อคงค้างในปี 2554 ทั้งสิ้น 135.7 พันล้านบาท โดยธนาคารมีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คิดเป็นสัดส่วน 74% ในขณะที่สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสินเชื่อประเภทอื่น ๆ มีสัดส่วน 26% ทั้งนี้ ณ สิ้น

ปี 2554 มียอดคงค้างของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งสิ้น 100.8 พันล้านบาท ด้วยอัตราการขยายตัวที่ 31% เทียบกับ 77.0 พันล้านบาทในปี 2553 ส่วนสินเชื่อธุรกิจกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างมีการเติบโตเพิ่มขึ้น

13% จาก 20.6 พันล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 23.3 พันล้านบาทในปี 2554

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธนาคารได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกิจการกับ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) ในเดือนธันวาคม 2554 ตามกลยุทธ์การเติบโตของธนาคาร ทั้งนี้ บริษัททุนภัทรประกอบธุรกิจหลักทรัพย์โดย

มีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2554 มากเป็นอันดับ 8 จากบริษัทหลักทรัพย์ 33 แห่ง การร่วมกิจการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือกันดำเนินธุรกิจการเงิน โดยธนาคารจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัททุน

ภัทรด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share Swap) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ทั้งนี้ หากการร่วมกิจการประสบความสำเร็จธนาคารจะมีขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์สูงขึ้น อีกทั้งจะมี

ผลประกอบการโดยรวมที่ดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าประโยชน์ที่จะได้รับในทันทีภายหลังการควบรวมกิจการจะยังไม่เพียงพอที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสถานะเครดิต

ของธนาคาร

ธนาคารเกียรตินาคินขยายธุรกิจโดยเน้นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีรวมทั้งได้กำหนดนโยบายสินเชื่อและเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารลดลงอย่างต่อเนื่องจาก

5.4 พันล้านบาทในปี 2552 มาอยู่ที่ 5.0 พันล้านบาทในปี 2553 และ 4.7 พันล้านบาทในปี 2554 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมลดลงจาก 6.2% ในปี 2552 มาอยู่ที่ 4.6% ในปี 2553 และ

3.5% ในปี 2554 ในขณะเดียวกัน ธนาคารมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ประกอบด้วยสินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 6.0% ของ

สินทรัพย์รวมในปี 2554 โดยลดลงจาก 9.9% ในปี 2552 และ 9.0% ในปี 2553 นอกจากนี้ ธนาคารยังมีการให้สินเชื่อแก่โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (Sub-prime) ซึ่งจัดเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยง

สูงด้วย ทั้งนี้ สินเชื่อด้อยคุณภาพในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างยังคงอยู่ในระดับสูงคิดเป็น 12.4% ณ สิ้นปี 2554 อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังดำรงเงินกองทุนและสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้เพียงพอที่จะรอง

รับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้คิดเป็น 0.41 เท่าของเงินกองทุนซึ่งรวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 0.61 เท่าในปี 2552 นอกจากนี้ อัตราส่วน

สำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารยังเพิ่มขึ้นจาก 69.7% ในปี 2552 เป็น 85.1% ในปี 2553 และเป็น 108.0% ในปี 2554 ด้วย อย่างไรก็ตาม ธนาคารอาจมีสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นอันเป็นผล

จากเหตุอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 แต่คาดว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นเพียงชั่วคราวและอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้

ธนาคารเกียรตินาคินสามารถสร้างรายได้ที่สูงขึ้นและรักษาระดับผลตอบแทนในระดับสูงจากธุรกิจหลักของธนาคาร อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการ

เงินของธนาคารในปี 2554 สูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาด นอกจากนี้ ธนาคารยังตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปี ทั้งนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิในปี

2554 จำนวน 2,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จาก 2,840 ล้านบาทในปี 2553 โดยมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น

ถัวเฉลี่ยในปี 2554 เท่ากับ 1.7% และ12.8% ตามลำดับ ซึ่งลดลงจาก 2.1% และ 14.6% ในปี 2553 นอกจากนี้ ธนาคารยังอาจได้รับผลกระทบจากค่าธรรมเนียมใหม่ที่คำนวณจากฐานเงินฝากและตั๋วแลกเงินซึ่งจะต้อง

นำส่งธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อชำระคืนภาระหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน อันจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นและกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธนาคารได้ในอนาคต

ในส่วนของสภาพคล่องและแหล่งเงินทุนนั้น ธนาคารมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระดับหนึ่งอันเกิดจากความไม่สัมพันธ์กันของโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือน อีกทั้งธนาคาร

ยังคงพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากลูกค้ารายใหญ่ซึ่งมีความผันผวนได้ง่าย ณ สิ้นปี 2554 แหล่งเงินทุนของธนาคารประกอบด้วยเงินกู้ยืมที่เป็นตั๋วแลกเงินซึ่งคิดเป็น 49% ของเงินรับฝากรวมตั๋วแลกเงิน เงินฝากประจำ 42% และ

เงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ 9% อย่างไรก็ดี ธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มฐานบัญชีเงินฝากจากลูกค้ารายย่อยเพื่อให้แหล่งเงินทุนมีการกระจายตัวและมีเสถียรภาพดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก

50 ล้านบาทเป็น 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม 2555 นี้อาจส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งทางการเงินและเสถียรภาพของแหล่งเงินทุนของธนาคารได้ด้วยเช่นกัน

ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับ 15.4% ในปี 2554 เพิ่มขึ้นจาก 15.2% ในปี 2553 สำหรับอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมนั้นลดลงเล็ก

น้อยจาก 14.7% ในปี 2553 มาอยู่ที่ 12.5% ในปี 2554 อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่อ ธนาคารมีสินเชื่อที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนสูงโดยเฉพาะสินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัย ดังนั้น การดำรงเงินกองทุนและ

สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งเพียงพอจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรองรับความเสียหายที่มิอาจคาดการณ์ได้ในภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                      คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KK127A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,493 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	          คงเดิมที่ A-
KK12OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555   	          คงเดิมที่ A-
KK142A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,905 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557     	          คงเดิมที่ A-
KK16DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 975 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559       	          คงเดิมที่ A-
KK187A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 240 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	                 คงเดิมที่ A-
KK18DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 625 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561              	   คงเดิมที่ A-
KK18DB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561                   คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,485 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557	   A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                       Positive (บวก)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้ง
หมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความ
เห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและ
ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับ
ข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง
จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่
ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน
Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ