ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “บ. เบอร์ลี่ ยุคเกอร์” ที่ระดับ “A+/Stable”

ข่าวทั่วไป Thursday April 12, 2012 16:30 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะ

ในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักของบริษัทด้วยตราสินค้าที่มีชื่อเสียง ตลอดจนการมีธุรกิจและแหล่งรายได้ที่หลากหลาย รวมถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทกับพันธมิตรธุรกิจและกลุ่มลูกค้า การพิจารณาอันดับ

เครดิตยังคำนึงถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่เข้มแข็งและความได้เปรียบด้านต้นทุนจากการประหยัดจากขนาดด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่

รุนแรง รวมทั้งความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตจากการควบรวมกิจการและการขยายธุรกิจของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อน

สถานะที่แข็งแกร่งในการแข่งขันของบริษัท โดยทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ โดยการลงทุนหรือการขยายธุรกิจใดใดในอนาคตควรใช้เงินทุนจาก

การดำเนินงานบางส่วนเพื่อให้สามารถคงอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับปานกลาง

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์มีประวัติการประกอบธุรกิจในประเทศไทยที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 2544 เมื่อกลุ่มบริษัททีซีซีเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ของบริษัท โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 มีสัดส่วนการถือหุ้น 70.06% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท กลุ่มบริษัททีซีซีเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท และมี บริษัท ไทยเบฟเวอ

เรจ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทในเครือรายสำคัญที่ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่ม

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ครอบคลุมการจัดจำหน่ายและการผลิตสินค้าของบริษัทเองและให้บริการจัดจำหน่ายและผลิตสินค้าให้แก่บริษัทอื่น ๆ ด้วย ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งเป็น

4 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มสินค้าและบริการทางอุตสาหกรรม ซึ่งจำหน่ายสินค้าและให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และวิศวกรรม 2) กลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค ซึ่งทำการผลิต ทำการตลาด และจำหน่าย

สินค้าอุปโภคและบริโภคทั้งประเภทอาหารและของใช้ 3) กลุ่มสินค้าและบริการด้านสุขภาพและด้านเทคนิค ซึ่งเน้นสินค้าด้านเวชภัณฑ์ รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สินค้าเคมีภัณฑ์พิเศษเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม

และอาหาร สินค้าและอุปกรณ์กราฟิก อุปกรณ์เครื่องเขียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา 4) ธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ร้านหนังสือเอเซีย บุ๊คส และธุรกิจสารสนเทศ ในปี 2554 บริษัทมี

ยอดขายทั้งสิ้น 31,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปี 2553 ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตทางธุรกิจตามปกติและจากการควบรวมกิจการ โดยครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมมาจากกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุตสาหกรรม อีก 30%

มาจากรายได้จากกลุ่มสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค และ 18.4% เป็นรายได้จากกลุ่มเวชภัณฑ์รวมกับกลุ่มสินค้าเทคนิค

สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ได้รับแรงเสริมจากความหลากหลายของธุรกิจและแหล่งรายได้ บริษัทเป็น 1 ใน 2 ของผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศในธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจสินค้าอุปโภค

บริโภค ตราสินค้าที่แข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของบริษัท เช่น เซลล็อกซ์ ซิลค์ เทสโต โดโซะ และนกแก้ว เป็นปัจจัยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของบริษัทให้มีเหนือคู่แข่ง นอกจากนี้ ธุรกิจสินค้าบรรจุ

ภัณฑ์ส่วนหนึ่งยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้าจำนวนมากอย่างต่อเนื่องของบริษัทไทยเบฟเวอเรจซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขายสินค้าบรรจุภัณฑ์ด้วย ในระยะ

ปานกลางคาดว่ากลุ่มธุรกิจสินค้าบรรจุภัณฑ์จะยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้และกำไรให้แก่บริษัทต่อไป สำหรับด้านการผลิตนั้น บริษัทพยายามใช้ประโยชน์จากโรงงานที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสร้างความได้

เปรียบจากต้นทุนสินค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่เน้นย้ำความสามารถในการแข่งขันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น บริษัทได้แสดงความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับหนึ่ง แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทาย

ในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อคงสถานะผู้นำในการแข่งขันไว้ให้ได้ต่อไป

บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์มีกลยุทธ์การเติบโตโดยมุ่งเน้นขยายการให้บริการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าสำหรับสินค้าจากบริษัทภายนอกมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงขยายการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าของ

บริษัทเองด้วย บริษัทวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้กระจายสินค้าในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบอินโดจีน ในช่วงกลางปี 2554 บริษัทได้ซื้อกิจการของ บริษัท เอเซีย บุ๊คส จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายและ

ค้าปลีกหนังสือภาษาอังกฤษในประเทศไทย โดยคาดหวังที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปสู่สื่อประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce)

และรูปแบบการอ่านบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (E-books) ในด้านธุรกิจสินค้าบรรจุภัณฑ์ซึ่งนอกจากจะมีการขยายกำลังการผลิตแล้ว บริษัทยังได้ลงทุนร่วมกับบริษัทพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์อันยาวนานก่อตั้งโรงงานผลิตใน

ประเทศเวียดนามและมาเลเซียด้วย แม้ว่าการขยายธุรกิจในอนาคตจะทำให้ฐานะทางธุรกิจของบริษัทเข้มแข็งขึ้น แต่บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้สูงสุด รวมทั้งความท้าทายใน

การบริหารความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศเหล่านั้น

ฐานะการเงินของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ยังคงแข็งแกร่งจากการมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ เช่น ผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ กระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น และสภาพคล่องที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การเติบ

โตของบริษัททำให้ระดับภาระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อยอดขายของบริษัทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 15%-16% เทียบกับ

13% ในปี 2552 อันเป็นผลมาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตและประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้นในธุรกิจสินค้าบรรจุภัณฑ์ บริษัทได้รับผลกระทบไม่มากนักจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554 เนื่องจากสินทรัพย์และโรงงาน

ผลิตหลักของบริษัทไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม อุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทในด้านต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นและความต้องการของตลาดที่หยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจากลูกค้าเลื่อนการรับสินค้าจากบริษัทในช่วง

เกิดอุทกภัย เมื่อพิจารณาจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรงและราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นแล้วคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะได้รับแรงกดดันในอนาคต ทั้งนี้ การคิดหาวิธีควบคุมค่าใช้จ่ายและการนำ

เสนอสินค้าใหม่ถือเป็นสิ่งที่บริษัทต้องให้ความสำคัญเพื่อที่จะปรับปรุงอัตรากำไรให้ดียิ่งขึ้น

ในปี 2554 บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์มีเงินทุนจากการดำเนินงาน 4,060 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 3,830 ล้านบาทในปี 2553 ซึ่งเติบโตจากธุรกิจขวดแก้วและกระป๋องเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ระดับภาระ

หนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 8,075 ล้านบาทในปี 2553 มาอยู่ที่ 11,110 ล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากบริษัทลงทุนซื้อกิจการบริษัทเอเซีย บุ๊คสและขยายธุรกิจในธุรกิจบรรจุภัณฑ์เป็นสำคัญ เป็นผลให้ภาระหนี้สินของบริษัทซึ่ง

วัดจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 38.4% ในปี 2553 เป็น 43.3% ในปี 2554 สภาพคล่องของบริษัทอ่อนตัวลงแต่ยังอยู่ในระดับที่รับได้ ด้วยอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม

ราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 14.3 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับ 36.6% ในปี 2554 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 47.4% ในปี 2553

เมื่อพิจารณาจากกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ในช่วงระยะ 3-5 ปีข้างหน้าแล้ว ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทใช้เงินทุนจาการดำเนินงานบางส่วนเพื่อการลงทุนในอนาคต การเปลี่ยนนโยบายด้าน

การเงินให้เป็นแบบเชิงรุกมากขึ้นหรือการซื้อกิจการด้วยการก่อหนี้จำนวนมากอาจทำให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงและเพิ่มแรงกดดันต่ออันดับเครดิต ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียง

พอเอาไว้ตลอดเวลาแม้ในช่วงที่มีการลงทุน — จบ

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                      คงเดิมที่ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BJC145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	       คงเดิมที่ A+
BJC165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	       คงเดิมที่ A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                              Stable (คงที่)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้ง
หมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียง
ความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัด
อันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง
ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริ
สเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ
หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผย
แพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ