บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่มูลค่า 1,500 ล้านบาท (THAI243A) ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิต
องค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกันด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “ที่คง” อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศในเส้นทางที่บินเข้าและออก
จากประเทศไทยและการได้รับประโยชน์จากการเป็นสมาชิก Star Alliance ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีภาระหนี้ที่ค่อนข้าง
สูงและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผันผวน รวมถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กระทบต่อธุรกิจสายการบิน เช่น โรคระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความไม่สงบทาง
การเมือง รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากสายการบินทั่วไปและสายการบินต้นทุนต่ำที่จะกดดันอัตรารายได้ต่อผู้โดยสาร-กิโลเมตรอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลาง ในขณะที่แนวโน้มอันดับ
เครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทการบินไทยจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศที่มีประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้นเอาไว้ได้ โดยอันดับเครดิตยังอยู่บนพื้น
ฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงได้รับประโยชน์จากการมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่อไป ดังนั้น การแปรรูปกิจการของบริษัทอาจส่งผลให้อันดับเครดิตของบริษัทถูกปรับลดลงได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ความ
สามารถในการทำกำไรโดยการลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานและด้านเชื้อเพลิงจะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาคุณภาพอันดับเครดิตของบริษัทเอาไว้โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทต้องมีการลงทุนอย่างมาก
ทริสเรทติ้งรายงานว่า อันดับเครดิตดังกล่าวของบริษัทการบินไทยได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจและสายการบินแห่ง
ชาติ ดังนั้น อันดับเครดิตจะได้รับการปรับลดลงหากรัฐบาลลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือต่ำกว่า 50% ปัจจุบันกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 51% นอกจากนี้ ยังมีธนาคารออมสินซึ่งเป็นธนาคาร
ของรัฐบาลไทยเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 2.4% ด้วย ในขณะที่หุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.1% ที่ถือโดยกองทุนวายุภักษ์นั้นจัดเป็นการถือหุ้นโดยผู้ลงทุนภาคเอกชนแม้กองทุนวายุภักษ์จะได้รับการจัดตั้งโดยกระทรวงการคลัง
เพื่อลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทการบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเซีย โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทให้บริการเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 59 แห่งทั่ว
โลก ด้วยเที่ยวบินจำนวน 563 เที่ยวต่อสัปดาห์ บริษัทมีปริมาณที่นั่งในปี 2555 เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากบริษัทเพิ่มเครื่องบินใหม่อีกจำนวน 9 ลำ บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็ง
แกร่งในเส้นทางการบินระหว่างประเทศ โดยในปี 2554 มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 38.9% ของจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติต่าง ๆ ของไทย
สำหรับการบินภายในประเทศนั้น ปริมาณการจราจรทางอากาศโดยรวมของบริษัทการบินไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่สายการบินต้นทุนต่ำเริ่มให้บริการในปี 2546 ทำให้จำนวนผู้โดยสารทั้งระบบเพิ่มขึ้น
จาก 7.2 ล้านคนในปี 2546 มาอยู่ที่ 14.3 ล้านคนในปี 2554 กระนั้นส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทก็ลดลงจาก 85% ในปี 2546 เหลือ 37% ในปี 2554 ธุรกิจการบินภายในประเทศสร้างรายได้ให้แก่บริษัท
เพียง 11% ของรายได้รวม การมีต้นทุนดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำทำให้บริษัทต้องกำหนดกลยุทธ์ที่จะเพิ่มกำไรโดยการลดจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศที่มีผลประกอบการขาดทุนและเปิดโอกาส
ให้สายการบินราคาประหยัดที่เป็นพันธมิตรของบริษัทคือ “นกแอร์” เป็นผู้ให้บริการแทน นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ขึ้นมาเพื่อให้บริการสายการบินคุณภาพสูงระดับราคาปานกลางภายใต้ชื่อ “ไทย
สไมล์” ซึ่งเน้นให้บริการแก่กลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง โดยไทยสไมล์จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแข่งขันของบริษัทเพื่อเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดจากสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ ทั้งในเส้นทางการบินภายในประเทศและ
ในภูมิภาคเอเชีย ในปี 2554 บริษัทมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารลดลงสู่ระดับ 70.4% จาก 73.6% ในปี 2553 นอกจากนี้ อัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์ก็ลดลงจากระดับ 69.4% ในปี 2553 สู่ระดับ 65.4% ใน
ปี 2554
ในปี 2554 ผลการดำเนินงานของบริษัทการบินไทยปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากและเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2554 นอกจากนี้ การแข่งขัน
ที่รุนแรงยังมีผลจำกัดการปรับเพิ่มค่าชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทลดลงจาก 16.7% ในปี 2553 เป็น 9.7% ในปี
2554 หากอัตราการทำกำไรยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิต ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลดลง
จาก 6.2 เท่าในปี 2553 เป็น 3.6 เท่าในปี 2554 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ปรับตัวลดลงจาก 19.1% ในปี 2553 เป็น 10.9% ในปี 2554 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงิน
ทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 66.1% ในปี 2553 สู่ระดับ 69.5% ในปี 2554 ในขณะที่ภาระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้นและคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะปานกลางเนื่องจากบริษัทมีภาระการลงทุนค่อนข้างสูง
อันเกิดจากการจัดหาเครื่องบินใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะได้ประโยชน์จากการจัดหาเครื่องบินใหม่ในแง่ประสิทธิภาพการบินที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการใช้น้ำมันที่ต่ำลง และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ลดลง ทริสเรทติ้งก
ล่าว — จบ
THAI12NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A+ THAI13OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,556.79 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A+ THAI14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ A+ THAI155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A+ THAI165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A+ THAI185A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,555 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 คงเดิมที่ A+ THAI185B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,445 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 คงเดิมที่ A+ THAI215A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 833 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 คงเดิมที่ A+ THAI215B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,167 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 คงเดิมที่ A+ THAI16DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A+ THAI192A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 คงเดิมที่ A+ THAI222A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 คงเดิมที่ A+ THAI243A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่) บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่ เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่น ใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูล รายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือ ได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูก ต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html