บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 99.98% โดย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันของธนาคารที่ระดับ “A” และ “A-” ตามลำดับ ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถของคณะผู้บริหาร การมีระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี และความสามารถในการดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีและความสามารถในการรักษาระดับกำไรไว้ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของธนาคารมีข้อจำกัดจากการมีเครือข่ายที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ ตลอดจนสัดส่วนภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ขยายสินเชื่อ รวมถึงความเสี่ยงด้านเงินทุนที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของการเคลื่อนย้ายฐานเงินฝากภายหลังการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากในเดือนสิงหาคม 2555 นอกจากนี้ ธนาคารยังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจธนาคาร ตลอดจนความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการแข่งขันของธนาคารในระยะยาว ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนความคาดหวังว่าธนาคารทิสโก้จะยังคงดำรงสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และมีผลประกอบการที่ดีตามที่คาดการณ์ไว้ในระยะกลาง แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์และดำรงเงินกองทุนที่เพียงพอซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงในช่วงภาวะถดถอยในอนาคตอันเกิดจากความไม่แน่นอนของระบบธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ความท้าทายของธนาคารในเรื่องความสามารถในการรักษาจุดแข็งที่มีอยู่ การมีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น และการรักษาเสถียรภาพของแหล่งเงินทุนไว้ได้ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคาร
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารทิสโก้พัฒนาบุคลากรในระดับผู้บริหารโดยมีแนวทางการบริหารงานที่มีความระมัดระวังซึ่งส่งผลให้ธนาคารสามารถเติบโตในตลาดกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารมีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 10 จากธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งสิ้น 15 แห่ง ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.2% และเงินรับฝาก 0.5% สินเชื่อของธนาคารเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตถึง 33% ในปี 2553 และ 24% ในปี 2554 ธนาคารมียอดสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2554 จำนวน 179.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จาก 145.2 พันล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2553 โดยเพิ่มขึ้นทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อย นอกจากนี้ ธนาคารยังรักษาสถานะทางการแข่งขันในธุรกิจเช่าซื้อเอาไว้ได้โดยเป็นผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 จากจำนวน 17 แห่ง ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 13%
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ฐานะทางการเงินของธนาคารทิสโก้ปรับตัวดีขึ้น โดยธนาคารมีกำไรสุทธิในปี 2554 จำนวน 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จาก 2.0 พันล้านบาทในปี 2553 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.36% และ 17.00% ตามลำดับในปี 2553 เป็น 1.41% และ 20.22% ในปี 2554 อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม รวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายด้านสำรองหนี้สูญที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 ธนาคารมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลงเนื่องจากต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นมาก อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดสูงขึ้นจากการระดมเงินทุนที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง นอกจากนี้ กฎเกณฑ์การคิดค่าธรรมเนียมแบบใหม่ที่คำนวณจากฐานเงินฝากและตั๋วแลกเงินซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2555 นี้ยังอาจกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธนาคารด้วย
ธนาคารทิสโก้มีระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารยังคงแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพทั้งสิ้น 2.2 พันล้านบาทซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2.6 พันล้านบาทในปี 2551 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงจาก 2.5% ในปี 2551 มาอยู่ที่ 1.2% ในปี 2554 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย 15 แห่ง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระบบที่ระดับ 3.7% สำรองหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารยังอยู่ในระดับสูง โดยค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในปี 2554 คิดเป็น 185% ของสินเชื่อด้อยคุณภาพ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่ระดับ 164% นอกจากนี้ ในปี 2554 ธนาคารมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ประกอบด้วยสินเชื่อจัดชั้นค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และทรัพย์สินรอการขาย) คิดเป็น 0.17 เท่าของเงินกองทุนซึ่งรวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยของระบบที่ระดับ 0.51 เท่า สถานะสินเชื่อของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่ดีแม้จะเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2554 ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารจะยังคงสามารถควบคุมปริมาณสินเชื่อด้อยคุณภาพได้เป็นอย่างดี
ด้านแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องนั้น ธนาคารทิสโก้มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระดับหนึ่งโดยธนาคารยังคงพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ซึ่งอาจเกิดความผันผวนได้ง่ายกว่าเงินทุนจากลูกค้ารายย่อย ณ สิ้นปี 2554 แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่ของธนาคารมาจากผู้ฝากเงินและผู้ให้กู้ยืมรายใหญ่ (เงินฝากหรือตั๋วแลกเงินที่มากกว่า 10 ล้านบาท) โดยคิดเป็น 73% ของฐานเงินฝากรวมตั๋วแลกเงิน สภาพคล่องของธนาคารอาจอ่อนแอลงหากลูกค้ารายใหญ่จำนวนมากเบิกถอนเงินในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนเพิ่มจำนวนบัญชีลูกค้ารายย่อยเพื่อให้แหล่งเงินทุนมีการกระจายตัวดียิ่งขึ้น ตามกฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝาก วงเงินคุ้มครองเงินฝากจะลดลงจาก 50 ล้านบาทเหลือเพียง 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม 2555 นี้ แม้จะคาดว่าฐานเงินฝากไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงภายหลังการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก แต่ผู้ฝากเงินอาจมีการโยกย้ายเงินฝากจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของเงินฝากอาจส่งผลต่อความแข็งแกร่งทางการเงินและเสถียรภาพของแหล่งเงินทุนของธนาคารได้ด้วยเช่นกัน
ธนาคารทิสโก้คำนวณเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงด้านเครดิตด้วยวิธี Internal Rating Based Approach (IRB) ภายใต้หลักเกณฑ์ Basel II อีกทั้งยังพัฒนากระบวนการประเมินความเพียงพอของเงินกองทุนภายใน (Internal Capital Adequacy Assessment Process -- ICAAP) ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารมีระบบการบริหารความเสี่ยงและบริหารจัดการเงินกองทุนที่ดียิ่งขึ้น ในปี 2554 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 9.88% และ 14.91% ตามลำดับ ลดลงจากระดับ 11.29% และ 15.23% ในปี 2553 อันเป็นผลจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อ อัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารยังคงใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของระบบที่ระดับ 14.79% และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระดับ 8.5% อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของธนาคารยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 9.3% ในปี 2551 มาอยู่ที่ 7.5% ในปี 2553 และ 6.5% ในปี 2554 อีกทั้งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระบบในปี 2554 ที่ระดับ 9.6% ด้วย อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงมีเงินกองทุนที่เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจและรองรับผลขาดทุนที่มิอาจคาดการณ์ได้ในระยะกลาง ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A อันดับเครดิตตราสารหนี้: หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ในโครงการ Medium-term Debenture - TISCO133A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,324.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A - TISCO133B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A - TISCO134A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 503.9 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A TISCO192A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 คงเดิมที่ A- TISCO195A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 คงเดิมที่ A- TISCO205A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 คงเดิมที่ A- TISCO20DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 คงเดิมที่ A- TISCO223A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 คงเดิมที่ A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive (บวก)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html