บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปลงทุนขยายธุรกิจตามแผน อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่เป็นที่ยอมรับในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและรายได้ประจำจากบริการสาธารณูปโภคที่เติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงแผนการลงทุนจำนวนมากทั้งในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ ธรรมชาติที่ผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกสืบเนื่องจากวิกฤติหนี้สินของประเทศในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ โดยสัดส่วนรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการสาธารณูปโภค ธุรกิจไฟฟ้า และค่าเช่าโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานให้แก่บริษัทท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2535 ณ เดือนมีนาคม 2555 กลุ่มตระกูลหอรุ่งเรืองถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด นอกจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและการให้บริการสาธารณูปโภคแล้ว บริษัทยังพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรูในใจกลางกรุงเทพฯ ด้วย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทซึ่งรวมถึงคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วน 60%-70% ของรายได้รวม ยกเว้นในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ส่วนรายได้ที่เหลือ 30%-40% เป็นรายได้ประจำซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริการสาธารณูปโภคและค่าเช่าโรงงาน
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นเจ้าของและบริหารนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และสระบุรี ด้วยพื้นที่รวมทั้งหมด 32,025 ไร่ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 มีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 756 ราย ซึ่ง 34% เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 10% เป็นลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมี ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีพื้นที่เหลือขาย 6,261 ไร่ โดยประมาณ 40% อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (H-ESIE) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
ในปี 2554 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้เป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ถึง 1,670 ไร่ เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 930 ไร่ในปี 2553 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ รายงานของ CB Richard Ellis ระบุว่ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 5,758 ไร่ในปี 2554 จาก 3,622 ไร่ในปี 2553 นอกเหนือจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตแล้ว ยอดขายที่ดีดังกล่าวยังเป็นผลมาจากการย้ายโรงงานของบริษัทหลายแห่งหลังจากนิคมอุตสาหกรรมในภาคกลางของประเทศประสบกับปัญหาอุทกภัยในปลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองปัจจัยยังสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทขายที่ดินได้ 928 ไร่ในไตรมาสแรกของปี 2555
รายได้ประจำของบริษัทยังคงแข็งแกร่งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการขายสาธารณูปโภคซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ประจำในปี 2554 เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2553 เป็น 1,722 ล้านบาท รายได้จากการขายสาธารณูปโภคในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโต 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 490 ล้านบาท ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตคือจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจโรงงานให้เช่าก็เติบโตเช่นกันในปี 2554 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 โดยพื้นที่เช่าในปี 2554 เพิ่มขึ้น 52,594 ตารางเมตร (ตร.ม.) เติบโต 49% เมื่อเทียบกับปี 2553 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 13,694 ตร.ม. ในไตรมาสแรกของปี 2554 หรือเติบโต 9% จากสิ้นปี 2553
รายได้รวมของบริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินในปี 2554 ลดลง 4% เป็น 4,150 ล้านบาท จาก 4,322 ล้านบาทในปี 2553 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง 27% เป็น 1,360 ล้านบาทในปี 2554 EBITDA ที่ลดลงเป็นผลจากรายได้จากการโอนที่ดินที่น้อยลงและการขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จากอัตราแลกเปลี่ยนจากบริษัทร่วมทุนในธุรกิจไฟฟ้า คือ บริษัท เก็คโค่วัน จำกัด (GHECO-One) ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 196% เป็น 1,676 ล้านบาทจากการเติบโตของธุรกิจเกือบทุกกลุ่ม กลุ่มที่ผลักดันให้เกิดการเติบโตมากที่สุดคือรายได้จากการขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,149 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 จาก 28 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 EBITDA ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 634% เป็น 1,084 ล้านบาท ในระยะสั้นคาดว่าความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยที่ไม่มีปัญหาอุทกภัยมีแนวโน้มที่ดี การฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิตหลังอุทกภัยยังสนับสนุนการลงทุนทั้งสำหรับการขยายกำลังการผลิตและการย้ายโรงงาน อัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มยานยนต์ฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 93.6% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 จาก 31.8% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 และเฉลี่ย 67.1% ของทั้งปี 2554 มูลค่าโครงการที่เสนอขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีจำนวนถึง 374 พันล้านบาทในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 ซึ่งเติบโต 87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าวิกฤติหนี้ของประเทศในทวีปยุโรปอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนในประเทศไทย แต่ก็คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะบรรเทาลงจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งยังคงมีการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเนื่องจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนและการมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดีรวมถึงทำเลที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทย
ภาระหนี้ของบริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2553 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 48.0% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 จาก 32.4% ในปี 2552 สาเหตุหลักเป็นผลจากการกู้ยืมเพื่อการลงทุนใน GHECO-One ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 660 เมกะวัตต์ โดยบริษัทใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นใน GHECO-One รวม 4,500 ล้านบาท คาดว่า GHECO-One จะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์และให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจำนวนมากให้แก่บริษัทตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป บริษัทวางแผนจะลงทุนจำนวนมากรวมมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2555-2556 โดยแผนการลงทุนประกอบด้วย การขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการสาธารณูปโภค การลงทุนต่อเนื่องใน GHECO-One รวมถึงการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producer -- SPP) ในระยะกลางถึงระยะยาวทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ที่ระดับประมาณ 50% ตามนโยบายของบริษัทในขณะที่มีการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจ — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A- อันดับเครดิตตราสารหนี้: HEMRAJ16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A- หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564 A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html