ทริสเรทติ้งจัดเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 11,000 ล้านบาท “ธ. ธนชาต”และคงเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่มีประกันที่ “AA-”, หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันชุดเดิมที่ “A+”,

ข่าวทั่วไป Wednesday July 4, 2012 09:31 —ทริส เรตติ้ง

และหุ้นกู้ลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ “A” แนวโน้ม “Stable”

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 11,000 ล้านบาทของ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารที่ระดับ “AA-” รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A+” และ “A” ตามลำดับด้วย โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นภายหลังการซื้อกิจการและความสำเร็จในการควบรวมกิจการกับ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดกลางที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และกระจายตัวมากกว่า อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในธุรกิจหลัก อันได้แก่สินเชื่อเช่าซื้อ ตลอดจนเครือข่ายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น และกลยุทธ์ที่เอื้อต่อการเพิ่มความแข็งแกร่งในการผสานกำลังทางธุรกิจของกลุ่มธนชาต นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับแรงหนุนจากสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากประเทศแคนาดา คือ Bank of Nova Scotia (BNS) ซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 49% อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของธนาคารถูกลดทอนลงจากการมีสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Asset - NPAs) ในระดับสูง ตลอดจนการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงทั้งในธุรกิจธนาคารและธุรกิจหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การเติบโตทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของกลุ่มธนชาตอาจถูกจำกัดด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนของทั้งสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลก

อันดับเครดิต “A” ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนซึ่งนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคาร (TBANK197A และ TBANK247A) สะท้อนถึงความด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการเลื่อนชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และสะสมผลตอบแทน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2562 และ 2567 ธนาคารสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้คืนทั้งจำนวนก่อนครบกำหนดได้ภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิประเภทนี้จะได้รับชำระเงินในลำดับถัดจากผู้ฝากเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีประกัน และผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้ประเภทนี้ในกรณีที่ธนาคารมีผลขาดทุนในรอบบัญชีก่อนวันกำหนดชำระดอกเบี้ยและธนาคารไม่มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงเวลา 6 เดือนก่อนวันกำหนดชำระดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม จำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายคืนจะเป็นจำนวนดอกเบี้ยสะสม

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนบทบาทสำคัญของธนาคารในการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มธนชาต โดยคาดว่าสถานะทางการตลาดของธนาคารจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการผสานพลังที่ได้จากการควบรวมกิจการ และจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ การเติบโตอย่างสม่ำเสมอของรายได้ การบรรลุวิธีแก้ไขสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลดีต่ออันดับเครดิตของธนาคาร นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนความคาดหมายว่าการลดลงของวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 50 ล้านบาทเป็น 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม 2555 จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบอย่างรุนแรงโดยทันทีต่อระบบธนาคารพาณิชย์

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ธนาคารธนชาตเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 6 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 7.9% และเงินฝากที่ 6.3% ธนาคารเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2555 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 26% ด้วยสินเชื่อรวม 303.6 พันล้านบาท (รวมสินเชื่อของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) ธนาคารได้ควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ส่งผลให้ธนาคารมีสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยเฉพาะภาคสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อมีการกระจายตัวดีขึ้น โดยกระจายไปสู่ธุรกิจทุกภาคส่วน และลดการกระจุกตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจ ณ มีนาคม 2555 คิดเป็น 37% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 22% ในปี 2552 ในขณะที่สินเชื่อรายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 63% ลดลงจาก 78% เมื่อสิ้นปี 2552 นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเงินฝากขนาดใหญ่รวมทั้งเครือข่ายสาขาจำนวนมากของธนาคารนครหลวงไทยซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตและสนับสนุนการให้บริการทางการเงินในกลุ่มธนชาตผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ คาดว่าธนาคารจะมีมูลค่าเครือข่ายทางธุรกิจ (Franchise Value) ที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในระยะกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการได้ประโยชน์จากการผสานกำลังทางธุรกิจภายในกลุ่มธนชาตยังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ฐานะการเงินของธนาคารธนชาตปี 2553 ดีขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการ โดยมีกำไรสุทธิ 8,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116% จากปีก่อน อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (Return on Average Asset - ROAA) และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ย (Return on Average Equity - ROAE) ปี 2553 เท่ากับ 1.34% และ 17.51% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่ระดับ 1.00% และ 16.48% อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการควบรวมกิจการ ธนาคารมีผลประกอบการปี 2554 ลดลงจากปี 2553 ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยธนาคารมีกำไรสุทธิปี 2554 จำนวน 7,671 ล้านบาท ลดลง 13% จากปีก่อน ROAA และ ROAE ลดลงมาที่ระดับ 0.87% และ 10.37% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง รวมทั้งสำรองหนี้สูญและต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 มีจำนวน 1,772 ล้านบาท ลดลง 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง รวมทั้งต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น แต่ ROAA และ ROAE (ยังไม่ได้ปรับเป็นรายปี) อยู่ที่ระดับ 0.20% และ 2.32% ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่างวดเดียวกันของปี 2554 ที่ระดับ 0.26% และ 3.06% อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางคาดว่าธนาคารจะสามารถมีผลประกอบการที่ดีขึ้นภายหลังกระบวนการควบรวมกิจการแล้วเสร็จสมบูรณ์

ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ภายหลังการควบรวมกิจการ ธนาคารธนชาตมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-performing Loans - NPLs) และ NPAs (สินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ยอดคงค้างของสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจที่รับโอนมาจากธนาคารนครหลวงไทย ทั้งนี้ ธนาคารได้ใช้ความพยายามในการปรับปรุงแก้ไข NPLs ให้ดีขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ธนาคารมี NPLs คิดเป็น 5.58% ของเงินให้สินเชื่อรวม ลดลงจาก 6.06% ในปี 2553 อย่างไรก็ตาม NPLs อาจเพิ่มขึ้นได้อันเป็นผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2554 ทั้งนี้ ความสามารถของคณะผู้บริหารในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ในช่วงเวลาภายหลังการควบรวมกิจการยังคงต้องได้รับการพิสูจน์ต่อไป

ภายหลังการควบรวมกิจการ ธนาคารมีแหล่งเงินทุนที่กระจายตัวดีขึ้น อีกทั้งมีโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินที่สอดคล้องกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของธนาคารอ่อนลงเนื่องจากสินเชื่อมีการเติบโตที่สูงกว่าการขยายตัวของเงินทุน อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินรับฝากซึ่งรวมตั๋วแลกเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 90.4% ในปี 2553 มาอยู่ที่ 97.3% ในปี 2554 และ 100.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 เงินกองทุนของธนาคารมีความแข็งแกร่งขึ้นภายหลังการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ TCAP และ BNS ในช่วงปี 2553 จำนวน 35.8 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 6.44% ในปี 2552 เป็น 8.29% ในปี 2553 และ 8.62% ในเดือนมีนาคม 2555 ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 เท่ากับ 9.58% และ 14.11% ตามลำดับ แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง (ไม่รวมธนาคาร 4 แห่งที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ที่ระดับ 10.39% และ 14.89% แต่ยังคงสูงกว่าอัตราส่วนขั้นต่ำที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 4.25% และ 8.50% ตามลำดับ สำหรับระดับเงินกองทุนซึ่งรวมสำรองหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารเพื่อใช้รองรับความเสียหายจากหนี้เสียนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 ธนาคารมี NPAs คิดเป็น 0.7 เท่าของผลรวมของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารที่ระดับ 0.5 เท่า ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                                           คงเดิมที่ AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TBANK133A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,072.1 ล้านบาท (วงเงินไม่เกิน 5,500 ล้านบาท) ไถ่ถอนปี 2556	  คงเดิมที่ AA-
TBANK155A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	                       คงเดิมที่ A+
TBANK194A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562	                       คงเดิมที่ A+
TBANK196A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562	                       คงเดิมที่ A+
TBANK204A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563	                       คงเดิมที่ A+
TBANK197A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562	  คงเดิมที่ A
TBANK247A: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567	  คงเดิมที่ A
หุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 11,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2565	                    A+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                                          Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ