ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ชุดปัจจุบัน และจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท “บ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Monday July 9, 2012 16:31 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดไถ่ถอนและเพื่อการลงทุนใหม่ อันดับเครดิตสะท้อนถึงความหลากหลายของธุรกิจ ตลอดจนสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการขยายตัวของธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การรับจ้างบริหารโรงแรมและธุรกิจอาหารแบบแฟรนไชส์ รวมถึงการขยายกิจการในต่างประเทศทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารบริการด่วนด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากนโยบายการเติบโตแบบเชิงรุกของบริษัท ตลอดจนลักษณะของธุรกิจโรงแรมที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันที่รุนแรง และอัตรากำไรที่ต่ำของธุรกิจอาหารบริการด่วนและธุรกิจจัดจำหน่าย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นโดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและการซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาระหนี้อาจส่งผลในทางลบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัท

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลก่อตั้งในปี 2521 โดย Mr. William Ellwood Heinecke บริษัทดำเนินธุรกิจโฮลดิ้งโดยการถือหุ้นในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจโรงแรมและพัฒนาโครงการ 2) ธุรกิจอาหารบริการด่วน และ 3) ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตสินค้า โดยประมาณ 41.0% ของรายได้ของบริษัทในปี 2554 มาจากธุรกิจอาหารบริการด่วน ส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม ธุรกิจจัดจำหน่าย และธุรกิจที่อยู่อาศัย คิดเป็น 31.1%, 11.2% และ10.8% ตามลำดับ

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ณ เดือนมีนาคม 2555 โรงแรมภายใต้การบริหารงานของบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลประกอบด้วยโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ 15 แห่ง (2,553 ห้อง) โรงแรมภายใต้การร่วมทุน 13 แห่ง (731 ห้อง) โรงแรมภายใต้สัญญาบริหารโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ 38 โรงแรม (5,163 ห้อง) และโรงแรมภายใต้การรับจ้างบริหารจัดการ 9 แห่ง (1,152 ห้อง) โดยโรงแรมของบริษัทตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำใน 9 ประเทศซึ่งครอบคลุมในเขตเอเชียแปซิฟิก อัฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง บริษัทบริหารและดำเนินงานโรงแรมเหล่านี้ภายใต้เครือโรงแรมที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก เช่น Mariott , Four Seasons และ St. Regis และภายใต้เครือโรงแรมของบริษัทเองคือ Anantara, Oaks, Elewana, Naladhu และ Avani

สำหรับธุรกิจอาหารบริการด่วนนั้น บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลดำเนินกิจการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MFG) ซึ่งก่อตั้งในปี 2523 MFG เป็นผู้ดำเนินกิจการธุรกิจอาหารบริการด่วนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโดยเป็นเจ้าของและผู้ประกอบการอาหารบริการด่วนแบบแฟรนไชส์ของต่างประเทศจำนวน 4 แบรนด์ ได้แก่ “สเวนเซ่นส์” “ซิซซ์เล่อร์” “แดรี่ ควีน” และ “เบอร์เกอร์ คิง” รวมทั้งยังบริหาร “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” “เดอะค็อฟฟีคลับ” และ “ไทยเอ็กเพรส” ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าของบริษัทเองด้วย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 MFG มีร้านอาหารเปิดให้บริการรวม 717 แห่ง ตลอดจนร้านแฟรนไชส์และแฟรนไชส์ย่อยอีกประมาณ 547 แห่งใน 15 ประเทศ นอกจากนี้ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MINOR) ยังเป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งของบริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และโรงงานรับจ้างผลิตสินค้าด้วย โดยมีแบรนด์สินค้าที่สำคัญ อาทิ Esprit, Gap, Bossini, Charles & Keith ฯลฯ

ในปี 2554 บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลมีรายได้รวมทั้งสิ้น 26,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการ St. Regis Residence และรายได้ในส่วนของธุรกิจโรงแรมเนื่องจากในช่วงกลางปี 2554 บริษัทได้ซื้อกิจการของ Oaks Hotel & Resorts Ltd. (Oaks) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์สัญชาติออสเตรเลีย อีกทั้งในปีที่ผ่านมาบริษัทยังได้เปิดให้บริการโรงแรมใหม่ 2 แห่ง คือ Anantara Kihavah ที่เกาะมัลดีฟส์ และ St. Regis ที่กรุงเทพฯ ทำให้รายได้ของธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้นจาก 4,322 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 8,135 ล้านบาทในปี 2554 การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในส่วนของธุรกิจโรงแรมมีสาเหตุมาจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและความสงบเรียบร้อยของเหตุการณ์บ้านเมืองในปีที่ผ่านมา ในส่วนของเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 นั้นไม่มีรายงานความเสียหายในส่วนของโรงแรมของบริษัทแต่อย่างใด มีเพียงยอดขายที่ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการยกเลิกการจองเข้าพักเท่านั้น ในส่วนของธุรกิจอาหารบริการด่วนซึ่งพึ่งพิงตลาดภายในประเทศและมีความยืดหยุ่นต่อความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจมากกว่านั้น รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 12% ในปี 2554 ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายนั้นมีรายได้เพิ่มขี้น 11% เป็น 2,925 ล้านบาทในปี 2554 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเครื่องแต่งกาย อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของธุรกิจจัดจำหน่ายลดลงอย่างมากเนื่องจากการปิดโรงงานในช่วงน้ำท่วมและบริษัทมีการตัดจำหน่ายทรัพย์สินจำนวน 176 ล้านบาท สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 31% อันเป็นผลมาจากการดำเนินงานของโรงแรมใหม่ 2 แห่ง คือ Oaks St. Regis และ Anantara Kihavah ในส่วนของอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทโดยรวมนั้นปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 15.2% ในปี 2553 เป็น 15.7% ในปี 2554 สำหรับในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% เนื่องจากไตรมาสแรกเป็นช่วงผลประกอบการดีที่สุดของธุรกิจโรงแรม

โครงสร้างเงินทุนของบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลอ่อนตัวลงในปี 2554 ในขณะที่สภาพคล่องยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยสภาพคล่องเมื่อวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายปรับลดลงจาก 7.5 เท่าในปี 2553 มาอยู่ที่ 5.4 เท่าในปี 2554 แต่ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.8 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับประมาณ 17% ระหว่างปี 2553 ถึงปี 2554 และอยู่ที่ระดับ 7.8% ณ เดือนมีนาคม 2555 ส่วนภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 14,368 ล้านบาทในปี 2553 มาอยู่ที่ 19,824 ล้านบาทในปี 2554 และ 19,661 ในไตรมาสแรกของปี 2555 เนื่องจากการซื้อกิจการของ Oaks อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 53.1% ในเดือนธันวาคม 2553 เป็น 59.1% ในเดือนธันวาคม 2554 แต่ปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 56.9% ในเดือนมีนาคม 2555 เนื่องจากส่วนของผุ้ถือหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทมีแผนในการสร้างความเติบโตจากการลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยการลงทุนจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินกู้ใหม่บางส่วน ดังนั้นคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนเพื่อไม่ให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงมากจนเกินไป — จบ

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                  คงเดิมที่ A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
MINT129A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,840 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	      คงเดิมที่ A
MINT137A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	      คงเดิมที่ A
MINT149A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,060 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	      คงเดิมที่ A
MINT155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	      คงเดิมที่ A
MINT15DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	      คงเดิมที่ A
MINT17DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560	      คงเดิมที่ A
MINT183A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	      คงเดิมที่ A
MINT18OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	      คงเดิมที่ A
MINT21OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564	      คงเดิมที่ A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2565	   A
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                   Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ