ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ปัจจุบัน และจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท “บ. บัตรกรุงไทย” ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday July 13, 2012 09:01 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนการได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 49.45% สถานภาพทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากในปี 2554 จากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนค่อนข้างสูง โดยผลขาดทุนส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายพิเศษในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจบัตรเครดิต อีกทั้งยอดการให้สินเชื่อส่วนบุคคลของบริษัทก็ยังมีการเติบโต อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลงเรื่อย ๆ ตลอดปี 2554 และภายหลังเหตุอุทกภัยในไตรมาสสุดท้ายยังคงเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญต่อไป บริษัทได้ดำเนินมาตรการหลายประการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บและติดตามหนี้ ทริสเรทติ้งจะติดตามการปรับปรุงคุณภาพสินทร้พย์ของบริษัทอย่างใกล้ชิดต่อไป นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากต้นทุนทางการเงินที่ค่อนข้างสูงของบริษัท และภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น รวมถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบซึ่งอาจกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อและความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของอุตสาหกรรมนี้

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์และกลับมามีผลประกอบการทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้นได้ภายในปี 2555 นี้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าธนาคารกรุงไทยจะยังคงให้การสนับสนุนบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการเงินและการดำเนินธุรกิจ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบัตรกรุงไทยมียอดขาดทุนสุทธิ 1,621 ล้านบาทในปี 2554 แม้ว่าการขาดทุนดังกล่าวจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดต่ำลงอย่างมากอันอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมของบริษัท แต่ผลขาดทุนกว่าครึ่งไม่ได้เกิดจากผลการดำเนินงานที่แย่ลงของบริษัท กล่าวคือ บริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 404 ล้านบาทในปี 2554 จากการลดลงของภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในปี 2555 และเหลือ 20% ในที่สุด นอกจากนี้ บริษัทยังได้ตัดสินใจตั้งสำรองคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 838 ล้านบาทเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของการตีความมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 13 ว่าด้วย “โปรแกรมสิทธิพิเศษแก่ลูกค้า” (TFRI 13: Thailand Financial Reporting Interpretation) ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2556 โดยมีข้อกำหนดให้ทำการปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังด้วย ประมาณการหนี้สินสำหรับคะแนนสะสมแลกของรางวัลของบริษัทภายหลังการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นนี้สามารถรองรับอัตราการใช้คะแนนแลกของรางวัลของลูกค้าได้สูงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดใช้จ่ายของลูกค้าบัตรเครดิตของบริษัทบัตรกรุงไทยเพิ่มขึ้นจาก 87.3 พันล้านบาทในปี 2553 เป็น 93.6 พันล้านบาทในปี 2554 ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 12.2% และ 11.5% ตามลำดับ แม้ว่ายอดการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่ยอดลูกหนี้สินเชื่อบัตรเครดิตของบริษัทกลับลดลงจาก 35.7 พันล้านบาทในปี 2553 เหลือ 33.7 พันล้านบาทในปี 2554 อันเนื่องมาจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้บัตรเครดิตที่ชำระเต็มจำนวน บริษัทมีนโยบายยกเลิกบัตรที่ไม่มียอดใช้จ่ายในปี 2554 เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทำให้จำนวนผู้ถือบัตรของบริษัทลดลงจาก 1.73 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2553 เหลือ 1.62 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2554 ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ยอดลูกหนี้สินเชื่อของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 11.4 พันล้านบาทในปี 2553 เป็น 12.7 พันล้านบาทในปี 2554 ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 6.1% และ 6.0% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทบัตรกรุงไทยถดถอยลงในปี 2554 ตั้งแต่ก่อนเหตุอุทกภัย อัตราสินเชื่อค้างชำระ (เกิน 90 วัน) เพิ่มขึ้นเป็น 5.2% ณ สิ้นปี 2554 จาก 4.0% ณ สิ้นปี 2553 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นถึง 6.3% ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2555 จากผลกระทบของเหตุการณ์น้ำท่วม อัตราหนี้สูญตัดบัญชีสุทธิพุ่งสูงขึ้นถึง 10.0% ในปี 2554 จาก 6.8% ในปีก่อน ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากการตั้งสำรองพิเศษมูลค่า 633 ล้านบาทเพื่อรองรับอัตราสินเชื่อค้างชำระที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วม แต่แม้ว่าจะมีการตั้งสำรองพิเศษไว้ในปี 2554 อัตราหนี้สูญตัดบัญชีสุทธิในไตรมาสแรกของปี 2555 ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 2.3% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) บริษัทมียอดขาดทุนสุทธิ 155 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2555 โดยมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญคิดเป็น 42% ของรายได้รวม เทียบกับ 36% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วงต้นปี 2555 บริษัทได้ตัดสินใจดึงงานจัดเก็บและติดตามหนี้กลับเข้ามาบริหารเองทั้งหมดโดยหวังว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บและติดตามหนี้จะช่วยลดอัตราสินเชื่อค้างชำระได้ นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นให้ความสำคัญกับการจัดเก็บและติดตามหนี้ตั้งแต่ก่อนที่หนี้ปกติจะกลายเป็นหนี้เสียอีกด้วย ทริสเรทติ้งคาดหวังที่จะเห็นสัญญาณทิศทางที่ดีขึ้นในการแก้ไขปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555

จากการที่บริษัทบัตรกรุงไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายประกอบกับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงไทย ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องระยะสั้นมิใช่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากนัก กล่าวคือ บริษัทมีเงินทุนที่ใช้สนับสนุนสภาพคล่องจากเงินกู้ที่ได้จากสถาบันการเงินหลายแห่งและจากหุ้นกู้ที่มีวันครบกำหนดชำระหนี้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้ใช้จากธนาคารกรุงไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 อีก 18,030 ล้านบาทด้วย นอกจากการสนับสนุนในด้านเงินทุนแล้ว บริษัทยังสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาของธนาคารกรุงไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศในการขยายฐานลูกค้า โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของบริษัทที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20% นั้นมาจากช่องทางดังกล่าว

บริษัทบัตรกรุงไทยใช้การกู้ยืมและการออกตราสารหนี้เป็นแหล่งเงินทุนหลัก ในขณะที่คู่แข่งในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าจากการมีฐานเงินฝากเป็นแหล่งเงินทุน ความเสียเปรียบด้านต้นทุนทางการเงินของบริษัทมีส่วนในการลดทอนความแข็งแกร่งทางธุรกิจไม่มากก็น้อยและทำให้ยากต่อการแข่งขันเพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาด ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของบริษัทในปี 2554 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2553 ที่ 4.9% แต่เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.2% ในไตรมาสแรกของปี 2555 ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบที่ทำให้ไม่สามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เมื่อประกอบกับสภาพการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วถือว่าเป็นปัจจัยที่จะยังคงกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่อไป ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                   คงเดิมที่ BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KTC128A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	      คงเดิมที่ BBB+
KTC129A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	      คงเดิมที่ BBB+
KTC12OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 220 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	      คงเดิมที่ BBB+
KTC135A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	      คงเดิมที่ BBB+
KTC135B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	      คงเดิมที่ BBB+
KTC135C: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	      คงเดิมที่ BBB+
KTC13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 7,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	      คงเดิมที่ BBB+
KTC14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	      คงเดิมที่ BBB+
KTC15OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	      คงเดิมที่ BBB+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2560	  BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                   Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ