ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ปัจจุบัน และจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท “บ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร” ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Wednesday July 18, 2012 09:01 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “AA-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้และลงทุนตามแผน อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย ความสำเร็จของกลยุทธ์ที่เน้นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ของบริษัท และการขยายธุรกิจในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ฟาร์ม ความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค ต้นทุนวัตถุดิบธัญพืชที่สูงขึ้น และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้า ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจเกษตรอาหารที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเอาไว้ได้ นอกจากนี้ การเป็นบริษัทที่มีสินค้าและตลาดที่หลากหลายน่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ในธุรกิจฟาร์มได้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับประมาณ 50% ในขณะที่มีการขยายตัวเพื่อสร้างการเติบโตตามแผนงาน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ เดือนพฤษภาคม 2555 กลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 49.93% ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือกลุ่มสัตว์บกและกลุ่มสัตว์น้ำ โดยแต่ละกลุ่มประกอบด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจฟาร์ม และธุรกิจอาหารพร้อมบริโภค การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งสามารถส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญซึ่งได้แก่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เอเชีย และประเทศสหรัฐอเมริกา

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2555 บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารและบริษัทย่อยเสร็จสิ้นการซื้อหุ้นในสัดส่วน 76.13% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วของ C.P. Pokphand Co., Ltd. (CPP) ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 2,174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ CPP เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ชั้นนำในประเทศจีนและเป็นผู้ประกอบการสัตว์บกและสัตว์น้ำครบวงจรในประเทศเวียดนาม หลังการซื้อหุ้น CPP เสร็จสิ้น สัดส่วนรายได้ของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารมีการกระจายตัวมากขึ้น โดยไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 รายได้จากกิจการในต่างประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้รวมจากเดิมที่มีสัดส่วน 25% ในอดีต รายได้จากกิจการในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 51% จากเดิม 75% ในปี 2554 ธุรกิจอาหารสัตว์เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มากที่สุดโดยคิดเป็นสัดส่วน 52% ของรายได้รวมในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 รายได้จากธุรกิจฟาร์มซึ่งมีลักษณะผันผวนเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์มีสัดส่วน 35% ของรายได้รวมจาก 43% ในปี 2554 และธุรกิจอาหารพร้อมบริโภคมีสัดส่วน 13% ของรายได้รวมจากเดิม 19% ในปี 2554 บริษัทยังคงนโยบายลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสร้างเสถียรภาพของกระแสเงินสดโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคที่มีตราสินค้าของบริษัทและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารพร้อมบริโภคให้เป็น 20% ของยอดขายรวมภายในปี 2559 รวมทั้งจะขยายกิจการในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องอีกหลายแห่ง โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกิจการในต่างประเทศเป็น 63% ของยอดขายรวมภายในปี 2559 จาก 49% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555

จากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 ยอดขายของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารเติบโตถึง 60.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 73,480 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากการรวมธุรกิจในจีนและเวียดนามหลังการซื้อหุ้น CPP อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ความต้องการบริโภคสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ภายในประเทศลดต่ำลง ในขณะเดียวกันกับที่ตลาดผลิตภัณฑ์สัตว์บกเกิดภาวะอุปทานส่วนเกิน ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์สัตว์บกตกต่ำลง โดยเฉพาะราคาเนื้อไก่ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 จึงลดลงเป็น 13.6% จาก 16.1% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2554 กำไรสุทธิไม่รวมกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน การขายเงินลงทุน และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ระดับ 2,412 ล้านบาท ลดลง 17.8% จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2554 อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 6,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากฐานรายได้ที่ขยายใหญ่ขึ้นหลังการซื้อหุ้น CPP อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA Interest Coverage Ratio) เท่ากับ 5.0 เท่าในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 ราคาผลิตภัณฑ์สัตว์บกเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 การประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่สดจากประเทศไทยของกลุ่มสหภาพยุโรปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2555 จะช่วยลดอุปทานส่วนเกินในตลาดไก่ภายในประเทศได้ ซึ่งจะช่วยให้ราคาไก่ทยอยฟื้นตัวโดยลำดับ และคาดว่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่บริษัทท่ามกลางแรงกดดันทางด้านต้นทุนธัญพืชที่กำลังปรับตัวขึ้น บริษัทตั้งงบลงทุนจำนวน 16,000 ล้านบาทสำหรับปี 2555 จากแผนลงทุนดังกล่าวซึ่งรวมการขยายการลงทุนในต่างประเทศคาดว่าจะทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 50% ซึ่งใกล้เคียงกับในเดือนมีนาคม 2555

เมื่อเร็วๆ นี้สหภาพยุโรปได้ออกประกาศเกณฑ์ใหม่ในการให้สิทธิพิเศษทางการค้าภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences -- GSP) สำหรับผลิตภัณฑ์กุ้ง โดยจะส่งผลให้ประเทศไทยหมดคุณสมบัติที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี GSP สำหรับผลิตภัณฑ์กุ้ง ปัจจุบันผู้ส่งออกไทยเสียภาษี 4.2% สำหรับกุ้งแช่แข็ง และ 7.0% สำหรับกุ้งแปรรูปที่ส่งออกไปประเทศในสหภาพยุโรป อัตราภาษีใหม่จะเพิ่มเป็น 12% สำหรับกุ้งแช่แข็ง และ 20% สำหรับกุ้งแปรรูป โดยอัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นต้นไป การสิ้นสุดสิทธิพิเศษทางภาษี GSP จากสหภาพยุโรปคาดว่าจะมีผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารไม่มากเนื่องจากในปี 2554 บริษัทส่งออกกุ้งไปสหภาพยุโรปเพียง 2% ของรายได้รวม นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากประเทศไทยไปยังประเทศอื่นซึ่งมีสิทธิได้รับ GSP ด้วย อย่างไรก็ตาม การสิ้นสุดสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ GSP ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในทางอ้อมต่อการเลี้ยงกุ้งและธุรกิจอาหารกุ้งในประเทศไทยในอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF)
อันดับเครดิตองค์กร:	                                       คงเดิมที่ AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPF12OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555	           คงเดิมที่ AA-
CPF138A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	           คงเดิมที่ AA-
CPF13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556	           คงเดิมที่ AA-
CPF14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	           คงเดิมที่ AA-
CPF14NB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557	           คงเดิมที่ AA-
CPF15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558	           คงเดิมที่ AA-
CPF17NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560	           คงเดิมที่ AA-
CPF188A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561	           คงเดิมที่ AA-
CPF218A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564	           คงเดิมที่ AA-
CPF418A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584	           คงเดิมที่ AA-
CPF41DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584	           คงเดิมที่ AA-
CPF163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,060 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559	           คงเดิมที่ AA-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2575	       AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                                      Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ