บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะผู้นำด้านงานก่อสร้างอาคารสูง ตลอดจนประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้าง และงบดุลที่แข็งแกร่งของบริษัท ทว่าจุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรง งานก่อสร้างที่ไม่หลากหลาย ความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ว่าจ้าง และผลกำไรที่อ่อนไหวต่อต้นทุนค่าแรงและราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากการที่ลักษณะของสัญญาก่อสร้างส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นแบบคงที่ (Fixed-price Contract) ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันในธุรกิจงานก่อสร้างภาคเอกชนเอาไว้ได้ ผลการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงหลังของปี 2555 หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรที่ดีขึ้น ทั้งนี้ หากบริษัทไม่สามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นหรือไม่สามารถรักษาภาระหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ก็อาจเพิ่มแรงกดดันในการปรับลดอันดับเครดิต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทซินเท็ค คอนสตรัคชั่นก่อตั้งในปี 2531 โดยเป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างทั่วไปขนาดกลางซึ่งมีความชำนาญในการก่อสร้างอาคารสูง ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นผู้ประกอบการภาคเอกชนซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ ตลอดจนโรงแรม และโรงงานอุตสาหกรรม แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วงานรับเหมาก่อสร้างภาคเอกชนจะให้กำไรในอัตราที่สูงกว่างานของภาครัฐ แต่ก็มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจมากกว่า ดังนั้น บริษัทจึงมีความเสี่ยงจากอุปสงค์งานก่อสร้างที่ลดลงในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากปัญหาด้านเครดิตของลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเอกชนด้วย ดังนั้น ความสามารถในการคัดกรองและรักษาลูกค้าที่มีคุณภาพเอาไว้ให้ได้จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จของบริษัท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้สั่งสมชื่อเสียงในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือในงานก่อสร้างจนส่งผลให้มีลูกค้าเก่าที่กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นต้น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า เนื่องจากสัญญาก่อสร้างส่วนใหญ่ของบริษัทซินเท็ค คอนสตรัคชั่นมีลักษณะเป็นแบบคงที่ ดังนั้นบริษัทจึงประสบกับปัญหาราคาวัสดุก่อสร้างที่ผันผวนเช่นเดียวกับผู้รับเหมาก่อสร้างรายอื่น ๆ ในประเทศไทย บริษัทได้พยายามลดความเสี่ยงดังกล่าวด้วยการทำสัญญาซื้อวัสดุก่อสร้างไว้ล่วงหน้าเมื่อมีโอกาสเพื่อเป็นการควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง รวมทั้งพยายามลดความสูญเสียของงานก่อสร้างลงโดยการควบคุมความคืบหน้าของงานก่อสร้างอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยลดโอกาสในการขาดทุนจำนวนมากจากปัจจัยที่ไม่คาดคิดเมื่อสิ้นสุดโครงการ ณ เดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีงานคงค้างที่ยังไม่ได้ส่งมอบจำนวน 27 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 6,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปี 2554 ทั้งนี้มูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบคิดเป็น 1.37 เท่าของรายได้ของบริษัทในปี 2554
ผลประกอบการของบริษัทซินเท็ค คอนสตรัคชั่นในปี 2554 อ่อนแอกว่าประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยหากไม่นับรายการโอนกลับเจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 82 ล้านบาทแล้ว กำไรสุทธิของบริษัทจะลดต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิที่ต่ำที่สุดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่อ่อนแอในปี 2554 ประกอบด้วย รายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ซึ่งเป็นผลมาจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคกลางในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 โครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรูหลายโครงการซึ่งมีต้นทุนการก่อสร้างสูงกว่าที่บริษัทได้ประมาณการไว้ และการที่บริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยในปี 2554 บริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 138 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับโครงการบ้านเอื้ออาทร ดังนั้นจึงทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลงมาอยู่ที่ 1.8% ในปี 2554 จาก 4.12% ในปี 2553 ทั้งนี้ แรงกดดันที่มีต่ออัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานยังคงต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงมาอยู่ที่ -2.33% ถึงแม้ว่าโครงการที่บริษัทดำเนินการก่อสร้างจะไม่ถูกน้ำท่วม แต่ผลจากน้ำท่วมในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ก็ทำให้โครงการก่อสร้างหลายโครงการล่าช้าลง ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจึงเพิ่มสูงขึ้น การปรับเพิ่มขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 300 บาท ณ เดือนเมษายน 2555 ก็คาดว่าจะส่งผลทำให้กำไรของบริษัทลดลงเนื่องจากมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นโครงการที่มีการลงนามในสัญญาก่อนปี 2555 และเป็นสัญญาที่กำหนดราคาว่าจ้างไว้แน่นอน ดังนั้น บริษัทจึงต้องเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลังของปี 2555 หลังจากโครงการเก่าที่มีต้นทุนสูงแล้วเสร็จ นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ โดยโครงการใหม่ที่มีการลงนามในสัญญาในปี 2555 นั้นบริษัทใช้ค่าแรงขั้นต่ำอัตราใหม่ในการคำนวณต้นทุนในการประมูลโครงการ ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทมีกำไรสูงกว่าโครงการเดิมที่ยังไม่ส่งมอบ ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2555 ประมาณ 28% ของมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบของบริษัทได้คิดรวมต้นทุนค่าแรงงานขั้นต่ำอัตราใหม่ในมูลค่างานก่อสร้างแล้ว
แม้ว่าบริษัทซินเท็ค คอนสตรัคชั่นจะมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทก็ยังสามารถรักษางบดุลที่แข็งแกร่งรวมทั้งกระแสเงินสดที่เพียงพอเอาไว้ได้ โดย ณ เดือนมีนาคม 2555 ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ที่ 661 ล้านบาท ลดลงจาก 703 ล้านบาทในปี 2554 ในขณะที่เงินสดในมือที่ไม่ติดภาระค้ำประกันและเงินลงทุนระยะสั้นอยู่ที่ 275 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% ของภาระหนี้คงค้าง โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีความแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 22.77% อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 อยู่ที่ 11.13% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) และคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 จากการที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนการจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาทในโครงการอพาร์ทเมนต์ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะส่งผลทำให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 40% ในช่วงการลงทุนเอาไว้ได้ ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ ?
อันดับเครดิตองค์กร: BBB- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html